กุนซือคนใหม่ของเอฟเวอร์ตัน
ทำไมคาร์โล อันเชล็อตติถึงกลายเป็นกุนซือคนใหม่ของเอฟเวอร์ตันได้ เบื้องหลังมีอยู่ว่าโค้ชอิตาเลี่ยนวัย 60 เองเพิ่งว่างงานพอดีหลังแยกทางกับนาโปลี ตอนแรกแม้เขาเองจะมีชื่อเป็นแคนดิเดตแต่ก็คาดหมายว่าต้องรอจนจบซีซั่นถึงเอาตัวมาได้ ดังนั้นก่อนหน้านี้ไอเดียของบอร์ดทอฟฟี่ก็เป็นการหาใครสักคนมาคุมชั่วคราว
เดวิด มอยส์เองก็เลยเป็นชอยส์ที่อาจไม่ได้รับการชูมือจากทุกคนแต่ก็มีความเป็นไปได้บนความเสี่ยงน้อยที่สุด เขาก็ได้มาคุยกับทางมิสเตอร์ฟาร์ฮัด โมชิริรวมถึงบิลล์ เคนไรท์ไปแล้ว
ความบังเอิญเป็นสิ่งที่เร้นลับเสมอ ว่ากันว่าตัว"อันเช่"เองวางแพลนที่จะเบรกยาวไปแล้ว เขากับภรรยาจองตั๋วไปแวนคูเวอร์เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสจนถึงปีใหม่เรียบร้อยแต่พอวางสายจากเอเยนต์เท่านั้นแหละ เขาก็ขออนุญาตภรรยาไปลอนดอนเพื่อคุยกับทางบอร์ดเอฟเวอร์ตัน
ว่ากันว่าเวลาราว1ชั่วโมงเศษทำให้โค้ชผู้เคยผ่านการตะบันชีวิตมากับสโมสรยักษ์มากมายไม่สามารถปฎิเสธข้อเสนอได้ลง เขาปรารถนาคัมแบ็กมาพรีเมียร์ลีกเป็นทุนอยู่แล้ว เขาเองก็ไม่ได้มองว่าจะต้องเป็นสโมสรหัวแถวหรือลุ้นแชมป์เพราะความท้าทายของคนเรามีหลายรูปแบบ
สมมติเขากลับไปเชลซี เขาพาสิงโตน้ำเงินครามซิวโทรฟี่พรีเมียร์ลีกสำเร็จกับเขานำพาเอฟเวอร์ตันจบท็อปโฟร์ อันไหนที่เขาควรภาคภูมิใจต่อความลำบากกว่ากัน อีกเหตุผลสำคัญเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวของเขา...
อันเชล็อตติไม่ใช่โค้ชประเภทเป๊ป กวาร์ดิโอล่า, เจอร์เก้น คล็อปป์ หรือ โชเซ่ มูรินโญ่ เขาไม่เคยยึดถือปรัชญาใดๆ ไม่เคยมีสไตล์จำเพาะตัว ไม่เชื่อว่าคนที่จะเป็นผู้นำที่ดีได้ต้องพูดเยอะหรือต้องแสดงพาสชั่นออกมาให้คนยอมรับ
ทว่าเขามองว่าทุกอย่างควรยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ต่างหาก ถ้าแผนเอใช้ไม่ได้ เขาก็มักบอกว่า"ผมมีแผนบีรองรับไว้แล้ว"
ดังนั้นแทบทุกสโมสรที่เขาไปกุมบังเหียน เราเลยไม่เคยรู้สึกว่าสไตล์ไหนกันที่ถอดตัวตนของอดีตเด็กชายลูกชาวนาแถบทางเหนือของอิตาลี ทั้งที่กับเป๊ปเราเองก็ยกย่องถึงสไตล์เกมรุกอันเร้าใจ ถ้าเป็นคล็อปป์ก็บอลเพรสซิ่งอันน่าเกรงขามแม้กระทั่งมูรินโญ่ก็มีรูปแบบที่ทำให้เขาบรรลุโสดาบันได้
"ฟุตบอลจะสไตล์ไหนก็ตามแต่คุณก็ต้องรู้ด้วยว่าเจ้าของทีมต้องการอะไรจากคุณ แฟนบอลต้องการอะไรจากคุณ สโมสรที่คุณคุมเป็นแบบไหน อย่างคุณไปเรอัล มาดริดแล้วบอกว่าจะสร้างทีมระยะยาว คุณก็คงตกงานแน่นอนเพราะสโมสรนี้ต้องการความสำเร็จทันที" อันเช่ได้บันทึกเอาไว้ในหนังสือของตัวเอง"Quiet Leadership"
เขาเองจึงเป็นอิตาเลี่ยนที่นับว่าไนซ์ที่สุดคนหนึ่ง ปากอาจคาบบุหรี่แต่ก็พร้อมเช็กแฮนด์คนทำความสะอาดพื้นได้ในทันที ทุกสโมสรที่เขาไปก็จะเป็นคนเริ่มสร้างสายสัมพันธ์กับคนอื่นก่อน เขาเชื่อว่าจุดนี้เป็นฐานที่ต่อยอดไปในสนาม เรื่องนี้ดิดิเยร์ ดร็อกบา อดีตหัวหอกของเชลซีก็เคยพูด"คาร์โลโทรมาหาผมตั้งแต่เรายังไม่เจอกัน เขาไม่ต้องทำก็ได้เพราะเขาเป็นคนคุมนักเตะแต่เขาเลือกจะทำ เขาทำให้ผมประทับใจมาก"
บางทีนั่นก็มาจาการที่เขาตระหนักว่าภายในห้องแต่งตัวของสโมสรตราสิงห์บลูส์มีกลุ่มแกนนำที่ขึ้นชื่อลือชามาก เขาต้องสยบอกข้างซ้ายกลุ่มนี้ให้ได้ซะก่อน
เดวิด มอยส์เองก็เลยเป็นชอยส์ที่อาจไม่ได้รับการชูมือจากทุกคนแต่ก็มีความเป็นไปได้บนความเสี่ยงน้อยที่สุด เขาก็ได้มาคุยกับทางมิสเตอร์ฟาร์ฮัด โมชิริรวมถึงบิลล์ เคนไรท์ไปแล้ว
ความบังเอิญเป็นสิ่งที่เร้นลับเสมอ ว่ากันว่าตัว"อันเช่"เองวางแพลนที่จะเบรกยาวไปแล้ว เขากับภรรยาจองตั๋วไปแวนคูเวอร์เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสจนถึงปีใหม่เรียบร้อยแต่พอวางสายจากเอเยนต์เท่านั้นแหละ เขาก็ขออนุญาตภรรยาไปลอนดอนเพื่อคุยกับทางบอร์ดเอฟเวอร์ตัน
ว่ากันว่าเวลาราว1ชั่วโมงเศษทำให้โค้ชผู้เคยผ่านการตะบันชีวิตมากับสโมสรยักษ์มากมายไม่สามารถปฎิเสธข้อเสนอได้ลง เขาปรารถนาคัมแบ็กมาพรีเมียร์ลีกเป็นทุนอยู่แล้ว เขาเองก็ไม่ได้มองว่าจะต้องเป็นสโมสรหัวแถวหรือลุ้นแชมป์เพราะความท้าทายของคนเรามีหลายรูปแบบ
สมมติเขากลับไปเชลซี เขาพาสิงโตน้ำเงินครามซิวโทรฟี่พรีเมียร์ลีกสำเร็จกับเขานำพาเอฟเวอร์ตันจบท็อปโฟร์ อันไหนที่เขาควรภาคภูมิใจต่อความลำบากกว่ากัน อีกเหตุผลสำคัญเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวของเขา...
อันเชล็อตติไม่ใช่โค้ชประเภทเป๊ป กวาร์ดิโอล่า, เจอร์เก้น คล็อปป์ หรือ โชเซ่ มูรินโญ่ เขาไม่เคยยึดถือปรัชญาใดๆ ไม่เคยมีสไตล์จำเพาะตัว ไม่เชื่อว่าคนที่จะเป็นผู้นำที่ดีได้ต้องพูดเยอะหรือต้องแสดงพาสชั่นออกมาให้คนยอมรับ
ทว่าเขามองว่าทุกอย่างควรยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ต่างหาก ถ้าแผนเอใช้ไม่ได้ เขาก็มักบอกว่า"ผมมีแผนบีรองรับไว้แล้ว"
ดังนั้นแทบทุกสโมสรที่เขาไปกุมบังเหียน เราเลยไม่เคยรู้สึกว่าสไตล์ไหนกันที่ถอดตัวตนของอดีตเด็กชายลูกชาวนาแถบทางเหนือของอิตาลี ทั้งที่กับเป๊ปเราเองก็ยกย่องถึงสไตล์เกมรุกอันเร้าใจ ถ้าเป็นคล็อปป์ก็บอลเพรสซิ่งอันน่าเกรงขามแม้กระทั่งมูรินโญ่ก็มีรูปแบบที่ทำให้เขาบรรลุโสดาบันได้
"ฟุตบอลจะสไตล์ไหนก็ตามแต่คุณก็ต้องรู้ด้วยว่าเจ้าของทีมต้องการอะไรจากคุณ แฟนบอลต้องการอะไรจากคุณ สโมสรที่คุณคุมเป็นแบบไหน อย่างคุณไปเรอัล มาดริดแล้วบอกว่าจะสร้างทีมระยะยาว คุณก็คงตกงานแน่นอนเพราะสโมสรนี้ต้องการความสำเร็จทันที" อันเช่ได้บันทึกเอาไว้ในหนังสือของตัวเอง"Quiet Leadership"
เขาเองจึงเป็นอิตาเลี่ยนที่นับว่าไนซ์ที่สุดคนหนึ่ง ปากอาจคาบบุหรี่แต่ก็พร้อมเช็กแฮนด์คนทำความสะอาดพื้นได้ในทันที ทุกสโมสรที่เขาไปก็จะเป็นคนเริ่มสร้างสายสัมพันธ์กับคนอื่นก่อน เขาเชื่อว่าจุดนี้เป็นฐานที่ต่อยอดไปในสนาม เรื่องนี้ดิดิเยร์ ดร็อกบา อดีตหัวหอกของเชลซีก็เคยพูด"คาร์โลโทรมาหาผมตั้งแต่เรายังไม่เจอกัน เขาไม่ต้องทำก็ได้เพราะเขาเป็นคนคุมนักเตะแต่เขาเลือกจะทำ เขาทำให้ผมประทับใจมาก"
บางทีนั่นก็มาจาการที่เขาตระหนักว่าภายในห้องแต่งตัวของสโมสรตราสิงห์บลูส์มีกลุ่มแกนนำที่ขึ้นชื่อลือชามาก เขาต้องสยบอกข้างซ้ายกลุ่มนี้ให้ได้ซะก่อน
ติดตามข่าวสารได้ที่ martysmotors.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น