กำลังสับสนและไม่แน่ใจในสถานะของตัวเองในทีม

พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือเป็นการเปลี่ยนตัวเพื่อเอาใจชากิรี่ที่กำลังสับสนและไม่แน่ใจในสถานะของตัวเองในทีม แน่นอนครับคนอย่างคล็อปป์ไม่จำเป็นต้องเอาใจนักเตะหรอก แต่ในบางสถานการณ์ถ้าเงื่อนไขมันเป็นใจคุณก็สามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้เช่นกัน ยืดหยุ่นเพื่อรักษาบรรยากาศในทีมและการทำงานที่ง่ายขึ้นในวันหน้า

ลิเวอร์พูลนำห่าง 3-0 และเมื่อจบเกมนี้จะพักเบรกทีมชาติยาว 2 สัปดาห์ จะไม่ส่งชากิรี่ลงสนามก็ได้เพราะคล็อปป์ยังไม่พอใจการตอบสนองด้านแท็คติกของดาวเตะร่างป้อม แต่เขาเลือกส่งชากิรี่ลงเล่นเพื่อบอกให้ตัวนักเตะรู้ว่าคุณยังมีโอกาสเสมอและคุณยังอยู่ในสายตาของผมเสมอ ลองนึกดูว่าชากิรี่จะไปร่วมแคมป์ทีมชาติด้วยอารมณ์สับสนขนาดไหนถ้าเขายังไม่ถูกใช้งานในเกมล่าสุดเหมือนกับเกมอื่นๆ ในซีซั่นนี้

นั่นล่ะครับคือความละเอียดของคล็อปป์ เขาเก่งในเรื่องจิตวิทยาไม่แพ้เรื่องอื่นๆ แล้วคิดหรือว่าคนที่ละเอียดอย่างนี้จะปล่อยให้จุดที่อาจจะเป็นความเสี่ยงในการเกิดปัญหาอย่างกรณีของมาเน่กับซาลาห์ผ่านไปเฉยๆ ก่อนเข้าสู่ช่วงเบรกทีมชาติ

ไม่มีทาง..อันที่จริงในความหงุดหงิดของมาเน่นั้นไม่จำเป็นต้องถึงมือคล็อปป์ด้วยซ้ำ คู่กรณีคงจะเคลียร์กันเองเรียบร้อยได้ ลองเปรียบเทียบความหงุดหงิดของเรากับเพื่อนก็ได้ เกมจบบอลเลิกก็แค่ด่ากันแล้วก็ลืมมันไป


เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอในเกมฟุตบอลที่เตะกัน 90 นาที แต่ผมมั่นใจว่าคล็อปป์ก็จะไม่ยอมปล่อยผ่านและคงปรับความเข้าใจกับลูกทีมทั้งสองคนเพื่อความแน่นอนว่าจะไม่มีเชื้อของปัญหาเกิดขึ้นก่อนจะปล่อยตัวไปรับใช้ชาติ

เพราะฉะนั้นเดอะค็อปที่เป็นกังวลกับภาพหน้าบูดหน้าบึ้งของมาเน่ ร้อนใจกับภาพที่ซาลาห์ไม่ยอมผ่านบอล ก็สบายใจเถิดครับ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาที่จะทำให้ทีมแตก และก็ยังไม่ต้องกังวลไปไกลถึงอนาคตว่าซาลาห์จะเป็นอย่างนั้นตลอดไป

นักเตะระดับนี้เขาย่อมรู้ว่าจังหวะไหนตัวเองทำพลาดแบบไม่น่าทำ มันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องปรับจูนตัวเอง บางครั้งมันไม่ได้มาจากนิสัยส่วนตัวหรอกหากแต่เป็นสถานการณ์ เป็นความกดดัน เป็นเงื่อนไขอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจในวินาทีนั้นๆ

ถ้ายังจำกันได้ มาเน่เองก็เคยถูกวิจารณ์ในลักษณะเดียวกันแต่เขาก็ปรับการเล่นจนกลับมาสมดุล ยิงเมื่อต้องยิง จ่ายเมื่อควรจ่าย ทว่าก็ไม่มีอะไรการันตีว่าความสมดุลของเขาตรงนี้จะอยู่ตลอดไป ในวันข้างหน้าเขาอาจจะติดการจ่ายมากกว่ายิงและต้องมาปรับจูนกันอีกก็ได้

เพราะการรักษาสมดุลให้พอดีคือโจทย์ของทุกอาชีพนั่นล่ะครับ เราเคยรู้สึกหนาวเกินไปเวลานั่งอยู่ในห้องไหมครับ พอหนาวเกินไปเราก็ปิดแอร์แล้วก็รู้สึกสบายขึ้น แต่พอผ่านไปสักพักเรากลับเริ่มรู้สึกร้อน ไม่สบายตัว ก็ต้องกลับไปเปิดแอร์อีกครั้งหรือหาพัดลมมาเปิดแทน

นั่นคือการรักษาสมดุล เวลานี้สมดุลของซาลาห์บิดเบี้ยวไปเล็กน้อย สมดุลของมาเน่นั้นพอดีเช่นเดียวกับสมดุลของโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ปรับได้ครับ มันต้องปรับอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ แต่รับรองว่าสิ่งที่เราได้เห็นไม่ว่าจะเป็นอาการงอนตุ๊บป่องของมาเน่หรือภาพการไม่ยอมส่งบอลของซาลาห์ไม่ได้น่าวิตกอะไรขนาดนั้น

ติดตามข่าวสารได้ที่ riarestaurantchicago.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิบากกรรม 'เอบูเอ้'

เด็กหัวฟูกับผู้ใหญ่หน้าเครียด

เมื่อยูโร 2020 กลายเป็นยูโร 2021