ประหนึ่งจิ้งจอกสยามกำลังแสยะยิ้ม

โทษฐานที่...เลสเตอร์ ซิตี้ และนาทีนี้ ประหนึ่งจิ้งจอกสยามกำลังแสยะยิ้มอย่างสยดสยองพลางเย้ยหยันพญายักษ์อยู่บนอันดับที่ 3 ของตารางพรีเมียร์ลีก โดยเสียประตูน้อยที่สุด แถมผ่านไป 11 นัดเท่ากันกลับทำแต้มได้มากกว่าฤดูกาลที่พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จเสียอีก !!!

ขออนุญาตใส่เครื่องหมายตกกะใจ 3 ตัว...ว่าแล้วขอพาทุกท่านย้อนเวลากลับไปตอนที่พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2015-16 อีกครั้ง เพราะถือเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาเรื่องวิธีการ รวมถึงจังหวะและเวลาที่ลงล็อคแบบไม่น่าเชื่อ

เหตุผลสำคัญที่ เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้น อันดับแรกคือพวกเขาค้นพบทีมตัวจริงที่ลงตัว เช่นเดียวกับระบบการเล่นที่เหมาะสม

นอกจากนี้ยังโชคดีที่ไม่มีผู้เล่นตัวหลักถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวหายไปเป็นเวลานานจนสามารถใช้ทีมชุดเดิมอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์ มิเพียงเท่านั้น

ทีมใหญ่อย่าง แมนฯ ซิตี้, แมนฯ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล, เชลซี และลิเวอร์พูล ต่างพร้อมอกพร้อมใจกันทำตัวตกต่ำกว่ามาตรฐานจนทีมจิ้งจอกสยามเหลือคู่ขับเคี่ยวเพียงทีมเดียวคือ สเปอร์ส ที่ไร้วาสนาอย่างรุนแรงอยู่แล้ว

เมื่อลงลึกไปในรายละเอียดของรูปแบบและวิธีการเล่น ขอบอกว่าน่าศึกษามากเลยทีเดียว ระบบที่ผู้เป็นกุนซืออย่าง เคลาดิโอ รานิเอรี่ ติดตั้งให้ลูกทีมคือ 4-4-2 แบบโบราณ ซึ่งเหมือนมันจะตกยุคตกสมัยไปแล้วด้วยซ้ำ


มิดฟิลด์ยืนเรียงเป็นหน้ากระดาน 4 คน แบ่งออกเป็นตรงกลาง 2 และตัวริมเส้นในตำแหน่งปีกอีก 2 ข้าง วางกองหน้าคู่กัน 2 คน ซึ่งสูตรนี้ไม่ค่อยมีทีมใหญ่ๆ ใช้เป็นระบบหลักมานานแล้วนะครับ เหตุเพราะตรงกลางมีผู้เล่นแค่ 2 คน ดังนั้นการครอบครองจะเป็นรองทันที หากเจอคู่แข่งที่มาในระบบการเล่นตามสมัยนิยมอย่าง 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 หรือ 4-5-1 หรือ 4-1-2-1-2 (4-4-2 แบบไดมอนด์)

แต่กุนซือชาวอิตาลีที่กาลครั้งเคยถูกล้อเลียนว่าเป็น "ทิงเกอร์แมน" ยักไหล่ไม่แยแส เพราะเจตนาให้มันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

จุดประสงค์หลักคือเน้นเกมรับให้เหนียวแน่นเอาไว้ก่อน ด้วยเซ็นเตอร์แบ็ครูปร่างสูงใหญ่ ประกอบกับการมีมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในโลกอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ - คู่แข่งของพวกเขาจะถูกบีบให้ออกไปเล่นเกมรุกทางริมเส้นแล้วเปิดบอลเข้ามาตรงกลาง

คู่เซ็นเตอร์ฯ อย่าง โรเบิร์ต ฮูธ กับ เวส มอร์แกน ที่ไม่ใช่ปราการหลังเชิงสูงหรือมีระดับอะไรมากมายก็สามารถเก็บกินได้ไม่ยาก แถวบ้านเรียก "เข้าทาง"

เกมรับของ เลสเตอร์ มีความเหนียวและแน่นแข็งแกร่งจนเจาะเข้าทำได้ยาก ขณะเปอร์เซ็นต์การครองบอลที่เป็นรองไม่ใช่ปัญหา เพราะพวกเขาเล่นเกมรุกแบบฉาบฉวยด้วยการจู่โจมแบบลอบฆ่า โดยในการบุกแต่ละชุดจะใช้เวลาประมาณ 10-15 วินาที แล้วหาจังหวะจบด้วยการยิงประตู

เข้า-ไม่เข้านั้นอีกเรื่อง แต่ขอให้มีจังหวะจบ โดยได้ความสามารถเฉพาะตัวของ ริยาด มาห์เรซ - ได้การวางบอลจากริมเส้นที่แม่นยำจากปีกอย่าง มาร์ค อัลไบรท์ตัน และได้ความรวดเร็วอย่างเฉียบคมของกองหน้าอย่าง เจมี่ วาร์ดี้ ที่โชว์ฟอร์มกระฉูดแตกในช่วงเวลานั้นพอดี

ติดตามข่าวสารได้ที่ mosantimetre.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิบากกรรม 'เอบูเอ้'

เด็กหัวฟูกับผู้ใหญ่หน้าเครียด

เมื่อยูโร 2020 กลายเป็นยูโร 2021