ส่งเสียงดีใจ
ตอนที่แฟนบอลในสนามส่งเสียงดีใจหลัง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ซัลโวประตูให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำฟลาเมงโก้ อันที่จริงน่าจะมีไม่บ่อยที่แฟนบอลอังกฤษไม่ว่าจะทีมไหนเดินทางไปเชียร์ทีมตัวเองน้อยกว่าคู่ต่อสู้ยามที่เตะกันในสนามเป็นกลาง แต่เกมนี้ได้เห็นข่าวตั้งแต่ก่อนแข่งแล้วว่าสาวกรูโบร-เนโกร (แดงเลือด-ดำ) แห่กันมาเยอะจริงๆ ทั้งๆ ที่ใช้เวลาเดินทางนานกว่ามาก
รายงานข่าวต่างๆ รวมทั้งโซเชียลส่วนตัวของแฟนบอลหลายคนยืนยันตรงกันว่ามีชาวบราซิเลียนเต็มเมืองไปหมด สวมเสื้อฟลาเมงโก้เดินเล่นตามท้องถนน ชายหาด ช็อปปิ้งเซนเตอร์ พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ
เพราะพวกเขาก็รอมานานเหมือนกัน ลิเวอร์พูลอาจยังไม่เคยเป็นแชมป์รายการนี้มาก่อนเลยจากความพยายาม 3 ครั้ง แต่ฟลาเมงโก้ที่มีแฟนบอลมากที่สุดในดินแดนกาแฟก็รอมานานถึง 38 ปี เท่ากับระยะเวลาที่พวกเขารอคอยแชมป์โกปา ลิเบร์ตาดอเรส
ลิเวอร์พูลเป็นแชมป์ยุโรป 6 สมัย เป็นรองแค่ เรอัล มาดริด (13 สมัย) กับ เอซี มิลาน (7 สมัย) เท่านั้น แต่ฟลาเมงโก้ เพิ่งจะได้แชมป์ทวีปแค่หนที่ 2 น้อยกว่าทีมอื่นๆ อีกถึง 10 ทีม
การรอคอยอันยาวนานและความสำเร็จที่ไม่ได้ผ่านเข้ามาบ่อยๆ ทำให้แชมป์ทุกรายการของพวกเขามีความหมายทั้งสิ้น แชมป์ลีกบราซิลที่คว้ามาได้ในปีนี้เกิดขึ้นหลังจากสมัยล่าสุดถึง 10 ปีเต็ม
เมื่อประกอบกับเหตุผลสำคัญอีกข้อที่ฟุตบอลลีกบราซิลและอเมริกาใต้จบฤดูกาลไปแล้ว ไม่เหมือนทางยุโรปที่ยังเป็นช่วงกลางซีซั่น ลิเวอร์พูลเตะเสร็จแล้วก็ต้องกลับไปเผดียงแข้งต่อในโปรแกรมชุกชุม แต่ฟลาเมงโก้ลงเล่นเกมนี้เป็นเกมสุดท้ายของฤดูกาลก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อน จึงไม่ต้องแปลกใจที่เราได้เห็นแฟนบอลฟลาเมงโก้บินข้ามทะเลมาเชียร์ทีมรักมากมายขนาดนี้แม้จะต้องเสียเวลาเดินทางร่วม 20 ชั่วโมงก็ตาม
แล้วเสียงเชียร์ก็มีส่วนช่วยฟลาเมงโก้ได้มาก นักเตะของยักษ์ใหญ่แห่งริโอ เด จาเนโร เล่นได้ดีทุกคน ทุ่มเท มีสมาธิ ช่วยกันเล่น เข้าถึงบอลไม่ให้นักเตะลิเวอร์พูลเล่นง่าย
การวางแผนของ จอร์จ เฮซุส นั้นยอดเยี่ยมเป็นทุนเดิม ความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นหลากหลาย ประสบการณ์อันเจนจัดในเวทียุโรปที่เคยไปลุยมาทั้ง ดีเอโก้ อัลเวส (อัลเมเรีย บาเลนเซีย) ดีเอโก้ (ปอร์โต้ เบรเมน ยูเวนตุส โวล์ฟสบวร์ก แอต.มาดริด เฟเนร์บาห์เช่) ราฟินญ่า (ชาลเก้ เจนัว บาเยิร์น) ฟิลิเป้ หลุยส์ (ลา กอรุนญ่า แอต.มาดริด เชลซี) เกอร์สัน (โรม่า ฟิออเรนติน่า) กาเบรียล บาร์โบซ่า (อินเตอร์ เบนฟิก้า) ยิ่งช่วยให้ฟลาเมงโก้ทีมนี้กลมกล่อมมาก
เล่นๆ ไปแชมป์ละตินก็ยิ่งมั่นใจว่าสู้ได้ เกมในสนามไม่เป็นรอง เสียงเชียร์ในสนามเหนือกว่า ศักดิ์ศรีในสนามก็แชมป์เหมือนกัน เกมชิงแชมป์โลกที่คาลิฟา อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม ในกรุงโดฮาเมื่อวันเสาร์ฟลาเมงโก้เล่นได้สมกับที่เป็นตัวแทนจากทวีปอเมริกาใต้ เต็มไปด้วยศักดิ์ศรี ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความหวาดหวั่นเลย
กระนั้นลิเวอร์พูลคือทีมที่ควบคุมสถานการณ์ได้ดีกว่า ครอบคลุมมันได้กว้างกว่าคือ 120 นาที ไม่ใช่แค่ 90 นาที ทีมหงส์แดงยังคงเอาแคแร็กเตอร์ที่ชัดเจนมาวางไว้ตรงหน้าแฟนบอลเหมือนเดิม เป็นแคแร็กเตอร์ของทีมที่จะไล่กวาดความสำเร็จ โค้ชมีสไตล์ นักเตะมีสไตล์ วิธีการเล่นหลากหลาย และที่สำคัญคือมันจะได้บทสรุปที่พวกเขาเอาตัวรอดได้เสมอ
รายงานข่าวต่างๆ รวมทั้งโซเชียลส่วนตัวของแฟนบอลหลายคนยืนยันตรงกันว่ามีชาวบราซิเลียนเต็มเมืองไปหมด สวมเสื้อฟลาเมงโก้เดินเล่นตามท้องถนน ชายหาด ช็อปปิ้งเซนเตอร์ พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ
เพราะพวกเขาก็รอมานานเหมือนกัน ลิเวอร์พูลอาจยังไม่เคยเป็นแชมป์รายการนี้มาก่อนเลยจากความพยายาม 3 ครั้ง แต่ฟลาเมงโก้ที่มีแฟนบอลมากที่สุดในดินแดนกาแฟก็รอมานานถึง 38 ปี เท่ากับระยะเวลาที่พวกเขารอคอยแชมป์โกปา ลิเบร์ตาดอเรส
ลิเวอร์พูลเป็นแชมป์ยุโรป 6 สมัย เป็นรองแค่ เรอัล มาดริด (13 สมัย) กับ เอซี มิลาน (7 สมัย) เท่านั้น แต่ฟลาเมงโก้ เพิ่งจะได้แชมป์ทวีปแค่หนที่ 2 น้อยกว่าทีมอื่นๆ อีกถึง 10 ทีม
การรอคอยอันยาวนานและความสำเร็จที่ไม่ได้ผ่านเข้ามาบ่อยๆ ทำให้แชมป์ทุกรายการของพวกเขามีความหมายทั้งสิ้น แชมป์ลีกบราซิลที่คว้ามาได้ในปีนี้เกิดขึ้นหลังจากสมัยล่าสุดถึง 10 ปีเต็ม
เมื่อประกอบกับเหตุผลสำคัญอีกข้อที่ฟุตบอลลีกบราซิลและอเมริกาใต้จบฤดูกาลไปแล้ว ไม่เหมือนทางยุโรปที่ยังเป็นช่วงกลางซีซั่น ลิเวอร์พูลเตะเสร็จแล้วก็ต้องกลับไปเผดียงแข้งต่อในโปรแกรมชุกชุม แต่ฟลาเมงโก้ลงเล่นเกมนี้เป็นเกมสุดท้ายของฤดูกาลก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อน จึงไม่ต้องแปลกใจที่เราได้เห็นแฟนบอลฟลาเมงโก้บินข้ามทะเลมาเชียร์ทีมรักมากมายขนาดนี้แม้จะต้องเสียเวลาเดินทางร่วม 20 ชั่วโมงก็ตาม
แล้วเสียงเชียร์ก็มีส่วนช่วยฟลาเมงโก้ได้มาก นักเตะของยักษ์ใหญ่แห่งริโอ เด จาเนโร เล่นได้ดีทุกคน ทุ่มเท มีสมาธิ ช่วยกันเล่น เข้าถึงบอลไม่ให้นักเตะลิเวอร์พูลเล่นง่าย
การวางแผนของ จอร์จ เฮซุส นั้นยอดเยี่ยมเป็นทุนเดิม ความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นหลากหลาย ประสบการณ์อันเจนจัดในเวทียุโรปที่เคยไปลุยมาทั้ง ดีเอโก้ อัลเวส (อัลเมเรีย บาเลนเซีย) ดีเอโก้ (ปอร์โต้ เบรเมน ยูเวนตุส โวล์ฟสบวร์ก แอต.มาดริด เฟเนร์บาห์เช่) ราฟินญ่า (ชาลเก้ เจนัว บาเยิร์น) ฟิลิเป้ หลุยส์ (ลา กอรุนญ่า แอต.มาดริด เชลซี) เกอร์สัน (โรม่า ฟิออเรนติน่า) กาเบรียล บาร์โบซ่า (อินเตอร์ เบนฟิก้า) ยิ่งช่วยให้ฟลาเมงโก้ทีมนี้กลมกล่อมมาก
เล่นๆ ไปแชมป์ละตินก็ยิ่งมั่นใจว่าสู้ได้ เกมในสนามไม่เป็นรอง เสียงเชียร์ในสนามเหนือกว่า ศักดิ์ศรีในสนามก็แชมป์เหมือนกัน เกมชิงแชมป์โลกที่คาลิฟา อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม ในกรุงโดฮาเมื่อวันเสาร์ฟลาเมงโก้เล่นได้สมกับที่เป็นตัวแทนจากทวีปอเมริกาใต้ เต็มไปด้วยศักดิ์ศรี ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความหวาดหวั่นเลย
กระนั้นลิเวอร์พูลคือทีมที่ควบคุมสถานการณ์ได้ดีกว่า ครอบคลุมมันได้กว้างกว่าคือ 120 นาที ไม่ใช่แค่ 90 นาที ทีมหงส์แดงยังคงเอาแคแร็กเตอร์ที่ชัดเจนมาวางไว้ตรงหน้าแฟนบอลเหมือนเดิม เป็นแคแร็กเตอร์ของทีมที่จะไล่กวาดความสำเร็จ โค้ชมีสไตล์ นักเตะมีสไตล์ วิธีการเล่นหลากหลาย และที่สำคัญคือมันจะได้บทสรุปที่พวกเขาเอาตัวรอดได้เสมอ
ติดตามข่าวสารได้ที่ louisvilleghostwalks.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น