การเหยียดสีผิว
ถ้าสังคมไทยอยู่คู่กับปัญหา "คอร์รัปชั่น" สังคมตะวันตกก็อยู่คู่กับปัญหาการ "เหยียดผิว" ซ้ำร้าย ดูเหมือนจะไม่มีเทวดาหน้าไหนสามารถกำจัดปัญหานี้ได้ด้วยซ้ำเพราะนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คนผิวสียังตกเป็นทาสอารมณ์ของคนผิวขาว (บางคน) วันยังค่ำ
โดยเฉพาะในเกมลูกหนัง ดังจะเห็นว่าแฟนบอลมักเหยียดผิวนักเตะเชื้อสายแอฟริกัน ทั้งตะโกนด่าว่า "นิโกร" บ้างล่ะ และส่งเสียงล้อเลียนเป็นลิงบ้างล่ะ ซ้ำร้าย ยังมีการโยนเปลือกกล้วยลงไปในสนามอีกต่างหาก
เรียกว่าเตรียมพกอุปกรณ์การเหยียดผิวติดตัวกันมาจากบ้านเลยล่ะ นอกจากจะอิ่มท้องแล้ว หากไม่สบอารมณ์เมื่อไหร่ก็จะได้ใช้ประโยชน์จากปลือกกล้วยได้ด้วย อย่างไรก็ดี ใช่ว่าปัญหาการเหยียดผิวจะเกิดขึ้นกับทีมฝ่ายตรงข้ามของแฟนบอลถ่อยเท่านั้น
เพราะล่าสุด กองเชียร์ แมนฯ ยูไนเต็ด พากันเหยียดผิวนักเตะทีมตัวเองเข้าให้เหมือนกัน เนื่องจากไม่พอใจที่สังหารลูกโทษพลาดจนทีมเสียหาย ไล่ตั้งแต่เกมพรีเมียร์ลีกนัดบุกไปเสมอกับ วูล์ฟส์ ก่อนจะโดน คริสตัล พาเลซ บุกมาสยบคาโอลด์ แทรฟฟอร์ด
ว่าถึงเกมฉะกับทีม หมาป่า ปอล ป็อกบา หาเรื่องใส่ตัวกับการร้องขอทำหน้าที่แทน มาร์คัส แรชฟอร์ด แต่กลับสังหารพลาด เลยโดนเหยียดผิวพร้อมขู่ฆ่าหลังเกม งานนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งนักสืบจิ๋วโคนันก็สามารถบอกได้เลยว่าไม่ใช่แฟนบอล วูล์ฟส์ แน่ที่เหยียดผิวกองกลางเฟรนช์แมน
และแม้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือหน้าทารกจะออกโรงวิงวอนให้แฟนบอลยุติพฤติกรรมดังกล่าว อีกทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด ยังแถลงการณ์ตามล่าแฟนบอลใจทรามด้วย แต่มันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดแม้แต่น้อย
เพราะพลันที่ แรชฟอร์ด กลับมารับภาระส่องเป้าในเกมปะทะกับ ดิ อีเกิ้ลส์ แต่ทำพลาดเช่นกัน ดาวยิงทีมชาติอังกฤษก็โดนรุมเหยียดผิวไปอีกราย เรียกว่าหากขุนพล ผีแดง สร้างความเสียหายอีกเมื่อไหร่ แฟนผีก็พร้อมฟาดงวงฟาดงาเข้าใส่ด้วยทนไม่ได้ที่ทีมรักไม่อาจกลับไปสู่จุดสูงสุดดังเดิมซะทีจากนักเตะฝีเท้าอ่อนด้อยกลุ่มนี้
ยังดีที่ เจสซี่ ลินการ์ด ไม่มีเอี่ยวเป็นตัวเลือกยิงลูกโทษด้วย ไม่งั้นหากทำพลาดขึ้นมาก็น่าจะโดนรุมสกรัมมากที่สุดเพราะปกติก็ร่ายลีลาในเกมไม่เอาอ่าวเอาทะเลอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี หากจะมองหาวิธีแก้ปัญหาการเหยียดผิวให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างง่ายๆแบบเด็กอนุบาลอมมือ โซลชา ก็แค่จัดทัพมือสังหารซะใหม่แบบยกชุด เท่านั้นก็หมดเรื่อง
ในเมื่อแฟนผีเหยียดผิวนักเตะผิวสีดีนัก ก็เปลี่ยนให้นักเตะผิวขาวรับภาระแทนก็เท่านั้น อ็องโตนีย์ มาร์กซิยาล , อาร่อน วาน บิสซาก้า , แอชลีย์ ยัง และฯลฯ ไม่ต้องไปยุ่งกับภาระนี้ และถ้านักเตะผิวขาวส่องเป้าพลาด การเหยียดผิวก็จะไม่เกิด
หากแต่พวกเขาจะโดนแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อว่าด่าทอแบบอื่นแทนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสีผิว จบป่ะ จบน่ะจบแน่ แต่จบแบบกวนส้นตึกซะมากกว่า อันที่จริง ต้องยอมรับว่าปัญหาการเหยียดผิวนั้นแก้ไขยากบรม ไม่งั้น ฟีฟ่า , ยูฟ่า ตลอดจนองค์กรต่างๆอาทิ คิก อิท เอาท์ จะพยายามรณรงค์จนคอแหบคอแห้งอย่างที่เห็นหรือ
และอีกนั่นแหละที่ใช่ว่าอังกฤษจะเป็นชาติเดียวที่มีปัญหานี้ เพราะแฟนบอลในลีกอิตาลี และรัสเซียก็ขยันเหยียดผิวนักเตะเช่นกัน อย่างไรเสีย ถ้ามันแก้ไขไม่ได้จริงๆ วิธีที่ ป็อกบา ป่าวประกาศออกมานั่นแหละที่ได้ผลดีเลิศประเสริฐศรีที่สุดแล้ว
หลังโดนมากับตัวเองในงวดล่าสุด สตาร์ทีมชาติฝรั่งเศสได้ประกาศผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าปัญหาเหยียดผิวแก้ไขได้ด้วยการเมินเฉย ถูกเผงเลย ป็อกบา เอ๋ย เพราะถ้าเราไม่ใส่ใจกับเสียงนกเสียงกาซะอย่าง ใครก็ทำอะไรเราไม่ได้ทั้งนั้น
ขณะเดียวกัน ป็อกบา ยังยืนยันด้วยว่าพร้อมต่อสู้กับปัญหานี้เพื่อคนผิวสีในเจนเนอเรชั่นต่อไป พร้อมยืนยันด้วยว่ายิ่งเขาโดนเหยียดผิวมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
เปรียบเป็นคนอ้วนที่โดนล้อแล้วล้ออีก มันก็ไม่ต่างอะไรกันเพราะถ้าเราจะใช้เสียงหัวเราะเยอะเย้ยเป็นแรงผลักดันในการลดน้ำหนัก มันก็กลายเป็นผลดีต่อตัวเราเองได้ ฉะนั้นแล้ว การแก้ไขปัญหาเหยียดผิวที่แท้จริงจึงขึ้นอยู่ที่ตัวนักเตะเองนั่นแหละว่าจะใจกว้างมากพอต่อการ "ปล่อยวาง" สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าหรือเปล่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสังคมยุคปัจจุบันซึ่งใครหลายคนตกเป็นทาส "สื่อโซเชี่ยล" การเหยียดผิวหรืออะไรอื่นก็ยิ่งเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย แถมออกจะลุกลามมากกว่าในอดีตซะอีก
และในเมื่อ "โซเชี่ยล มีเดีย" หลากหลายกลายมาเป็นเครื่องมือของการเหยียดผิว นักเตะผิวสีก็ยิ่งต้องทำใจ และปล่อยวางให้เป็นมากขึ้น เปรียบดังคำสอนทางพุทธศาสนาที่ว่าถ้าเราไม่ถือก้อนหินเอาไว้ซะอย่าง เราก็จะไม่รู้สึกว่ามันหนัก
ถ้าไม่เช่นนั้น ก็ต้องใช้วิธีที่เหล่าดาวเตะ ผีแดง เรียกร้องให้มีการตรากฏข้อบังคับให้ผู้ใช้สื่อโซเชี่ยลทั้งหลายต้องลงทะเบียนหมายเลขพาสปอร์ตแจ้งตัวตนที่แท้จริงนั่นแหละ ไม่ใช่ว่าสามารถใช้ไอดีปลอมได้ และสวมบทเป็นอีแอบนุ่งผ้าถุงโชว์เกรียนอยู่หน้าคีย์บอร์ดกันอย่างที่เป็นอยู่
โดยเฉพาะในเกมลูกหนัง ดังจะเห็นว่าแฟนบอลมักเหยียดผิวนักเตะเชื้อสายแอฟริกัน ทั้งตะโกนด่าว่า "นิโกร" บ้างล่ะ และส่งเสียงล้อเลียนเป็นลิงบ้างล่ะ ซ้ำร้าย ยังมีการโยนเปลือกกล้วยลงไปในสนามอีกต่างหาก
เรียกว่าเตรียมพกอุปกรณ์การเหยียดผิวติดตัวกันมาจากบ้านเลยล่ะ นอกจากจะอิ่มท้องแล้ว หากไม่สบอารมณ์เมื่อไหร่ก็จะได้ใช้ประโยชน์จากปลือกกล้วยได้ด้วย อย่างไรก็ดี ใช่ว่าปัญหาการเหยียดผิวจะเกิดขึ้นกับทีมฝ่ายตรงข้ามของแฟนบอลถ่อยเท่านั้น
เพราะล่าสุด กองเชียร์ แมนฯ ยูไนเต็ด พากันเหยียดผิวนักเตะทีมตัวเองเข้าให้เหมือนกัน เนื่องจากไม่พอใจที่สังหารลูกโทษพลาดจนทีมเสียหาย ไล่ตั้งแต่เกมพรีเมียร์ลีกนัดบุกไปเสมอกับ วูล์ฟส์ ก่อนจะโดน คริสตัล พาเลซ บุกมาสยบคาโอลด์ แทรฟฟอร์ด
ว่าถึงเกมฉะกับทีม หมาป่า ปอล ป็อกบา หาเรื่องใส่ตัวกับการร้องขอทำหน้าที่แทน มาร์คัส แรชฟอร์ด แต่กลับสังหารพลาด เลยโดนเหยียดผิวพร้อมขู่ฆ่าหลังเกม งานนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งนักสืบจิ๋วโคนันก็สามารถบอกได้เลยว่าไม่ใช่แฟนบอล วูล์ฟส์ แน่ที่เหยียดผิวกองกลางเฟรนช์แมน
และแม้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือหน้าทารกจะออกโรงวิงวอนให้แฟนบอลยุติพฤติกรรมดังกล่าว อีกทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด ยังแถลงการณ์ตามล่าแฟนบอลใจทรามด้วย แต่มันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดแม้แต่น้อย
เพราะพลันที่ แรชฟอร์ด กลับมารับภาระส่องเป้าในเกมปะทะกับ ดิ อีเกิ้ลส์ แต่ทำพลาดเช่นกัน ดาวยิงทีมชาติอังกฤษก็โดนรุมเหยียดผิวไปอีกราย เรียกว่าหากขุนพล ผีแดง สร้างความเสียหายอีกเมื่อไหร่ แฟนผีก็พร้อมฟาดงวงฟาดงาเข้าใส่ด้วยทนไม่ได้ที่ทีมรักไม่อาจกลับไปสู่จุดสูงสุดดังเดิมซะทีจากนักเตะฝีเท้าอ่อนด้อยกลุ่มนี้
ยังดีที่ เจสซี่ ลินการ์ด ไม่มีเอี่ยวเป็นตัวเลือกยิงลูกโทษด้วย ไม่งั้นหากทำพลาดขึ้นมาก็น่าจะโดนรุมสกรัมมากที่สุดเพราะปกติก็ร่ายลีลาในเกมไม่เอาอ่าวเอาทะเลอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี หากจะมองหาวิธีแก้ปัญหาการเหยียดผิวให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างง่ายๆแบบเด็กอนุบาลอมมือ โซลชา ก็แค่จัดทัพมือสังหารซะใหม่แบบยกชุด เท่านั้นก็หมดเรื่อง
ในเมื่อแฟนผีเหยียดผิวนักเตะผิวสีดีนัก ก็เปลี่ยนให้นักเตะผิวขาวรับภาระแทนก็เท่านั้น อ็องโตนีย์ มาร์กซิยาล , อาร่อน วาน บิสซาก้า , แอชลีย์ ยัง และฯลฯ ไม่ต้องไปยุ่งกับภาระนี้ และถ้านักเตะผิวขาวส่องเป้าพลาด การเหยียดผิวก็จะไม่เกิด
หากแต่พวกเขาจะโดนแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อว่าด่าทอแบบอื่นแทนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสีผิว จบป่ะ จบน่ะจบแน่ แต่จบแบบกวนส้นตึกซะมากกว่า อันที่จริง ต้องยอมรับว่าปัญหาการเหยียดผิวนั้นแก้ไขยากบรม ไม่งั้น ฟีฟ่า , ยูฟ่า ตลอดจนองค์กรต่างๆอาทิ คิก อิท เอาท์ จะพยายามรณรงค์จนคอแหบคอแห้งอย่างที่เห็นหรือ
และอีกนั่นแหละที่ใช่ว่าอังกฤษจะเป็นชาติเดียวที่มีปัญหานี้ เพราะแฟนบอลในลีกอิตาลี และรัสเซียก็ขยันเหยียดผิวนักเตะเช่นกัน อย่างไรเสีย ถ้ามันแก้ไขไม่ได้จริงๆ วิธีที่ ป็อกบา ป่าวประกาศออกมานั่นแหละที่ได้ผลดีเลิศประเสริฐศรีที่สุดแล้ว
หลังโดนมากับตัวเองในงวดล่าสุด สตาร์ทีมชาติฝรั่งเศสได้ประกาศผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าปัญหาเหยียดผิวแก้ไขได้ด้วยการเมินเฉย ถูกเผงเลย ป็อกบา เอ๋ย เพราะถ้าเราไม่ใส่ใจกับเสียงนกเสียงกาซะอย่าง ใครก็ทำอะไรเราไม่ได้ทั้งนั้น
ขณะเดียวกัน ป็อกบา ยังยืนยันด้วยว่าพร้อมต่อสู้กับปัญหานี้เพื่อคนผิวสีในเจนเนอเรชั่นต่อไป พร้อมยืนยันด้วยว่ายิ่งเขาโดนเหยียดผิวมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
เปรียบเป็นคนอ้วนที่โดนล้อแล้วล้ออีก มันก็ไม่ต่างอะไรกันเพราะถ้าเราจะใช้เสียงหัวเราะเยอะเย้ยเป็นแรงผลักดันในการลดน้ำหนัก มันก็กลายเป็นผลดีต่อตัวเราเองได้ ฉะนั้นแล้ว การแก้ไขปัญหาเหยียดผิวที่แท้จริงจึงขึ้นอยู่ที่ตัวนักเตะเองนั่นแหละว่าจะใจกว้างมากพอต่อการ "ปล่อยวาง" สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าหรือเปล่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสังคมยุคปัจจุบันซึ่งใครหลายคนตกเป็นทาส "สื่อโซเชี่ยล" การเหยียดผิวหรืออะไรอื่นก็ยิ่งเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย แถมออกจะลุกลามมากกว่าในอดีตซะอีก
และในเมื่อ "โซเชี่ยล มีเดีย" หลากหลายกลายมาเป็นเครื่องมือของการเหยียดผิว นักเตะผิวสีก็ยิ่งต้องทำใจ และปล่อยวางให้เป็นมากขึ้น เปรียบดังคำสอนทางพุทธศาสนาที่ว่าถ้าเราไม่ถือก้อนหินเอาไว้ซะอย่าง เราก็จะไม่รู้สึกว่ามันหนัก
ถ้าไม่เช่นนั้น ก็ต้องใช้วิธีที่เหล่าดาวเตะ ผีแดง เรียกร้องให้มีการตรากฏข้อบังคับให้ผู้ใช้สื่อโซเชี่ยลทั้งหลายต้องลงทะเบียนหมายเลขพาสปอร์ตแจ้งตัวตนที่แท้จริงนั่นแหละ ไม่ใช่ว่าสามารถใช้ไอดีปลอมได้ และสวมบทเป็นอีแอบนุ่งผ้าถุงโชว์เกรียนอยู่หน้าคีย์บอร์ดกันอย่างที่เป็นอยู่
ติดตามข่าวสารได้ที่ silverhoofs.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น