โดนเหยียดจากสำเนียงพูด

ที่โรงเรียน เขาถูกเพื่อนในห้องรังแก โดนเหยียดจากสำเนียงพูดที่ไม่เหมือนคนทั่วไปในประเทศนี้ มีเพียงที่เดียวเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกเป็นตัวของตัวเองนั่นคือ สนามฟุตบอล เพราะที่นี่มันไม่มีใครจะมาหัวเราะเยาะเขาได้

"มันคือสาเหตุที่พวกเขาเริ่มเคารพในตัวผม - ผมแทบรอให้โรงเรียนเลิกไม่ไหว​ เพราะพอโรงเรียนเลิกแล้วผมก็จะได้เล่นกีฬาได้​ สมัยนั้นผมเป็นตัวหลักของทีมเลยนะ มันเป็นสถานที่เดียวที่ผมสามารถปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมาได้" ลอฟเรน กล่าวด้วยความตื้นตัน

เรื่องเงินก็เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิต คุณแม่ของ ลอฟเรน ทำงานในซูเปอร์มาร์เก็ต ได้เงินแค่ 250 ปอนด์ (9,700 บาท) ต่อเดือน ส่วนคุณพ่อเป็นช่างทาสีและนักตกแต่งภายใน ซึ่งมันก็มีหลายครั้งที่ห้องของพวกเขาโดนตัดไฟเนื่องจากไม่มีเงินพอที่จะจ่าย จนถึงขั้นที่คุณพ่อและคุณแม่ของ ลอฟเรน ต้องขายรองเท้าสเก็ตน้ำแข็งของลูกชายเพื่อจ่ายบิลค่าไฟ ทั้งที่ตอนนั้น ลอฟเรน ชอบเล่นกีฬาไอซ์สเก็ตมาก

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ ลอฟเรน ตั้งมั่นแน่วแน่ในอนาคตคือกีฬาฟุตบอล คืนหนึ่งระหว่างที่เขานั่งทำการบ้าน ลอฟเรน แอบเขียนข้อความลงบนโต๊ะของตัวเองว่า "ผมคือ เดยัน ลอฟเรน ผมจะต้องประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยการเป็นนักฟุตบอล"

ตอนอายุ 14 ปี ลอฟเรน ต้องนั่งรถไป-กลับรวมระยะทางกว่า 60 ไมล์ต่อวันกับคุณพ่อเพื่อเดินทางไปฝึกซ้อมกับ ดินาโม ซาเกร็บ ถึงแม้จะเป็นเรื่องยากลำบากแต่มันเป็นการทำให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ไม่ว่าในแง่ของผู้เล่นหรือความเป็นมนุษย์


ลอฟเรน ก้าวขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ของ ซาเกร็บ ตอนอายุแค่ 17 ปี แต่กว่าจะได้เล่นเต็มตัวก็ตอนอายุ 19 ปี และเป็นกำลังหลักของทีมนับตั้งแต่นั้น ก่อนไปสร้างชื่อต่อกับ โอลิมปิค ลียง ในลีก เอิง ฝรั่งเศส แล้วโยกมาเล่นที่อังกฤษ กับ เซาธ์แฮมป์ตัน แล้วย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์

ในตอนนั้น เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือหงส์แดงคนก่อน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ลอฟเรน จะเข้ามาเป็นเสาหลักของ ลิเวอร์พูล แทน เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่อำลาทีมไปตอน 12 เดือนก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่อาจทนแรงเสียดทานต่อค่าตัวมหาศาลนี้ได้

ช่วงแรก ลอฟเรน เจอความกดดันและความคาดหวังอย่างหนัก ซึ่งเป็นเรื่องยากเกินกว่าจะรับมือได้ มีครั้งหนึ่งเขาเข้าบอลประมาทเลินเล่อ ตอนเจอกับ เวสต์แฮม เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2015 จนตัวเองถึงกับต้องสารภาพว่า "ผมอยากจะมุดหนีลงไปใต้โต๊ะ"

ทุกครั้งที่มีชื่อ เดยัน ลอฟเรน เป็นตัวจริง แฟนบอลหลายคนไม่อาจไว้ใจเขาได้เลย ชื่อของ ลอฟเรน จึงกลายเป็นตัวตลกของกองเชียร์คู่แข่งหรือกระทั่งแฟนบอลทีมตัวเองก็ยังไม่เว้น จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญต่อโชคชะตาของ ลอฟเรน คือ การที่ ลิเวอร์พูล ได้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นผู้จัดการทีม

คล็อปป์ บอกกับ ลอฟเรน ว่าให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านมา พร้อมมอบความมั่นใจเพื่อสร้างผลงานดีให้ได้

กำลังใจจากเจ้านายก็ส่วนหนึ่ง แต่สำหรับแฟนบอลบางคน ลอฟเรน ยังคงเป็นจอมเฟอะฟะ เข้าบอลพรวด ขึ้นชื่อเรื่องความประมาทเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

บางครั้ง ลอฟเรน มักตกเป็นแพะรับบาป เป็นเป้าหมายโจมตีเสมอ ซึ่งบางทีศัตรูที่ร้ายที่สุดของเขาก็คือตัวเขาเอง

ติดตามข่าวสารได้ที่ messengerapkapp.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิบากกรรม 'เอบูเอ้'

เด็กหัวฟูกับผู้ใหญ่หน้าเครียด

เมื่อยูโร 2020 กลายเป็นยูโร 2021