รับหน้าที่เป็นผู้วิเคราะห์วิจารณ์เกมลูกหนัง
"เพื่อนผมบอกให้ผมสนุกกับการพักผ่อน สนุกกับเดือนกรกฎาคม สนุกกับเดือนสิงหาคม สนุกกับสิ่งที่คุณไม่เคยทำมาก่อน แต่ขอบอกตามตรงเลยนะว่า...ผมไม่สนุก ผมไม่มีความสุขเพียงพอที่จะสนุก เพราะผมคิดถึงฟุตบอล"
นี่คือคำพูดของ โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งเกือบจะครบปีแล้วนะครับที่พี่แกตกอยู่ในสถานะว่างงานผู้จัดการทีม นับตั้งแต่ถูกปลดออกจากตำแหน่งพ่อใหญ่แห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว 'มูมู่' ก็ยังไม่ได้คุมทีมใดๆ ในโลกหล้า ตอนนี้เลยรับหน้าที่เป็นผู้วิเคราะห์วิจารณ์เกมลูกหนังทางช่อง สกาย สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดพรีเมียร์ลีกที่อังกฤษไปพลางๆ ก่อน
เหตุที่ยังไม่กลับคืนสู่บทบาทผู้จัดการทีมก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศอะไรมากมาย เนื่องเพราะสถานภาพของกุนซือระดับ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" ทำให้ต้องเลือกทีมอย่างพิถีพิถันหน่อย
คือทีมที่กุนซือวัย 56 กะรัตผู้นี้จะเข้าไปคุม มันต้องมีศักดิ์ศรีที่เสมอกันสักหน่อย ทั้งความยิ่งใหญ่ และความร่ำรวย ด้วยค่าเหนื่อยแสนมหาศาล ซึ่งกวาดตาดูแล้วคงมีเพียงไม่กี่ทีมและนาทีนี้ ใน ลา ลีกา ของ สเปน เหมาะสมแค่ 2-3 ทีมเท่านั้นคือ เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า
แต่ขออนุญาตตัด บาร์ซ่า ออกไปก่อนได้เลย เพราะปรัชญาในการทำทีมไม่ตรงกันแน่ๆ แม้เฮียแกจะถือกำเนิดเกิดจากพวกเขาก็ตามที ขณะ เรอัล มาดริด ที่มีข่าวมาเป็นระยะว่าอาจดึงตัวกลับไปคุมทีมอีกรอบก็ยังไม่มีวี่แววว่ากุนซือคนปัจจุบันอย่าง ซีเนดีน ซีดาน จะถูกปลดออกจากตำแหน่ง
อีกทีมอย่าง แอตเลติโก มาดริด ก็น่าจะตรงสเป๊ก ติดอยู่ที่ว่า ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ยังวางตูดติดเก้าอี้เหนียวแน่น โดยไม่มีที่ท่าว่าจะลุกออกไปเอง หรือโดนถีบออกไปง่ายๆ
ใน กัลโช่ เซเรีย อา ทีมเก่าอย่าง อินเตอร์ มิลาน ก็มี อันโตนิโอ คอนเต้ อยู่แล้ว เหลือแค่ ยูเวนตุส ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนโค้ช นอกนั้นไม่ว่าจะเป็น เอซี มิลาน หรือ โรม่า คงไม่อยู่ในสายตาของพี่แกแน่ๆ
ใน ลีก เอิง ฝรั่งเศส ก็มีแค่ทีมเดียวเลยคือ เปแอสเช ซึ่งจะว่าไปก็มีความเป็นไปได้มิใช่น้อย เพียงแต่มันคงไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นหรือท้าทายสักเท่าไหร่ แล้วในบุนเดสลีกา เยอรมัน ล่ะ
เท่าที่เห็นก็คงจะมีแค่ บาเยิร์น มิวนิค กับ ดอร์ทมุนด์ เพียง 2 ทีมเท่านั้นแหละที่ศักดิ์ศรีเสมอกัน แต่คำนวณดูแล้วก็ยังห่างไกลกันเหลือเกิน ว่าแล้วหักเลี้ยวกับมาที่เกาะมหาสมบัติอย่างอังกฤษดีกว่า
ตอนนี้มีอยู่ 2 ทีมที่เป็นข่าวพัวพันกับ โชเซ่ มูรินโญ่ หนึ่งคือ อาร์เซน่อลและอีกหนึ่งคือ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ผลงานของทั้ง 2 ทีมนี้ค่อนข้างกระท่อนกระแท่นจนผู้จัดการทีมอย่าง อูไน เอเมรี่ กับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ตกอยู่ในสภาวะล่อแหลมต่อการถูกปลดออกจากตำแหน่ง
จุดที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งคือหลังจากถูกปลดออกจากตำแหน่ง โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ไม่ได้ไปไหน ยังฝังหนอกอยู่ในเมืองหลวงแห่งลูกหนังนั่นแหละ เข้าใจว่าคงคุ้นเคยและผูกพันเหมือนบ้านหลังที่ 2 ของตัวเองไปแล้ว
อันดับแรกพรีเมียร์ลีกคือสมรภูมิแข้งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมืองมนุษย์ อุดมสมบูรณ์ด้วยความท้าทาย แถมกล้าจ่ายค่าจ้างให้มากกว่าทีมอื่นใดในโลก ที่สำคัญ
การทำหน้าที่วิเคราะห์และวิจารณ์เกมฟาดแข้งในศึกพรีเมียร์ลีกเป็นประจำทุกสัปดาห์นี่แหละทำให้ โชเซ่ มูรินโญ่ อยู่กับฟุตบอลมาตลอด จึงมองเห็นความเป็นไป โดยไม่จำเป็นต้องคุมทีมเอง
ด้วยปัจจัยเหล่านี้จึงพอจะวิเคราะห์ได้ว่าถ้าจะกลับมาคุมทีมอีกครั้งก็น่าจะเป็นสโมสรในพรีเมียร์ลีกนี่แหละ แล้วสไตล์การทำทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ล่ะ?
นี่คือคำพูดของ โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งเกือบจะครบปีแล้วนะครับที่พี่แกตกอยู่ในสถานะว่างงานผู้จัดการทีม นับตั้งแต่ถูกปลดออกจากตำแหน่งพ่อใหญ่แห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว 'มูมู่' ก็ยังไม่ได้คุมทีมใดๆ ในโลกหล้า ตอนนี้เลยรับหน้าที่เป็นผู้วิเคราะห์วิจารณ์เกมลูกหนังทางช่อง สกาย สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดพรีเมียร์ลีกที่อังกฤษไปพลางๆ ก่อน
เหตุที่ยังไม่กลับคืนสู่บทบาทผู้จัดการทีมก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศอะไรมากมาย เนื่องเพราะสถานภาพของกุนซือระดับ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" ทำให้ต้องเลือกทีมอย่างพิถีพิถันหน่อย
คือทีมที่กุนซือวัย 56 กะรัตผู้นี้จะเข้าไปคุม มันต้องมีศักดิ์ศรีที่เสมอกันสักหน่อย ทั้งความยิ่งใหญ่ และความร่ำรวย ด้วยค่าเหนื่อยแสนมหาศาล ซึ่งกวาดตาดูแล้วคงมีเพียงไม่กี่ทีมและนาทีนี้ ใน ลา ลีกา ของ สเปน เหมาะสมแค่ 2-3 ทีมเท่านั้นคือ เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า
แต่ขออนุญาตตัด บาร์ซ่า ออกไปก่อนได้เลย เพราะปรัชญาในการทำทีมไม่ตรงกันแน่ๆ แม้เฮียแกจะถือกำเนิดเกิดจากพวกเขาก็ตามที ขณะ เรอัล มาดริด ที่มีข่าวมาเป็นระยะว่าอาจดึงตัวกลับไปคุมทีมอีกรอบก็ยังไม่มีวี่แววว่ากุนซือคนปัจจุบันอย่าง ซีเนดีน ซีดาน จะถูกปลดออกจากตำแหน่ง
อีกทีมอย่าง แอตเลติโก มาดริด ก็น่าจะตรงสเป๊ก ติดอยู่ที่ว่า ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ยังวางตูดติดเก้าอี้เหนียวแน่น โดยไม่มีที่ท่าว่าจะลุกออกไปเอง หรือโดนถีบออกไปง่ายๆ
ใน กัลโช่ เซเรีย อา ทีมเก่าอย่าง อินเตอร์ มิลาน ก็มี อันโตนิโอ คอนเต้ อยู่แล้ว เหลือแค่ ยูเวนตุส ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนโค้ช นอกนั้นไม่ว่าจะเป็น เอซี มิลาน หรือ โรม่า คงไม่อยู่ในสายตาของพี่แกแน่ๆ
ใน ลีก เอิง ฝรั่งเศส ก็มีแค่ทีมเดียวเลยคือ เปแอสเช ซึ่งจะว่าไปก็มีความเป็นไปได้มิใช่น้อย เพียงแต่มันคงไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นหรือท้าทายสักเท่าไหร่ แล้วในบุนเดสลีกา เยอรมัน ล่ะ
เท่าที่เห็นก็คงจะมีแค่ บาเยิร์น มิวนิค กับ ดอร์ทมุนด์ เพียง 2 ทีมเท่านั้นแหละที่ศักดิ์ศรีเสมอกัน แต่คำนวณดูแล้วก็ยังห่างไกลกันเหลือเกิน ว่าแล้วหักเลี้ยวกับมาที่เกาะมหาสมบัติอย่างอังกฤษดีกว่า
ตอนนี้มีอยู่ 2 ทีมที่เป็นข่าวพัวพันกับ โชเซ่ มูรินโญ่ หนึ่งคือ อาร์เซน่อลและอีกหนึ่งคือ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ผลงานของทั้ง 2 ทีมนี้ค่อนข้างกระท่อนกระแท่นจนผู้จัดการทีมอย่าง อูไน เอเมรี่ กับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ตกอยู่ในสภาวะล่อแหลมต่อการถูกปลดออกจากตำแหน่ง
จุดที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งคือหลังจากถูกปลดออกจากตำแหน่ง โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ไม่ได้ไปไหน ยังฝังหนอกอยู่ในเมืองหลวงแห่งลูกหนังนั่นแหละ เข้าใจว่าคงคุ้นเคยและผูกพันเหมือนบ้านหลังที่ 2 ของตัวเองไปแล้ว
อันดับแรกพรีเมียร์ลีกคือสมรภูมิแข้งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมืองมนุษย์ อุดมสมบูรณ์ด้วยความท้าทาย แถมกล้าจ่ายค่าจ้างให้มากกว่าทีมอื่นใดในโลก ที่สำคัญ
การทำหน้าที่วิเคราะห์และวิจารณ์เกมฟาดแข้งในศึกพรีเมียร์ลีกเป็นประจำทุกสัปดาห์นี่แหละทำให้ โชเซ่ มูรินโญ่ อยู่กับฟุตบอลมาตลอด จึงมองเห็นความเป็นไป โดยไม่จำเป็นต้องคุมทีมเอง
ด้วยปัจจัยเหล่านี้จึงพอจะวิเคราะห์ได้ว่าถ้าจะกลับมาคุมทีมอีกครั้งก็น่าจะเป็นสโมสรในพรีเมียร์ลีกนี่แหละ แล้วสไตล์การทำทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ล่ะ?
ติดตามข่าวสารได้ที่ mylinkinvitation.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น