อภิพฐามหายุทธ์อุบัติ
โทษฐานที่สงครามแข้งพรีเมียร์ลีกประจำสัปดาห์นี้จะมีการศึกระดับอภิพฐามหายุทธ์อุบัติขึ้นที่ แอนฟิลด์ นี่คือเกมสำคัญระดับชี้ชะตาฟ้าลิขิตเลยว่าทีมใดจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้เลยทีเดียว
เพราะหลังจากผ่านไป 11 นัด แชมป์เก่าอย่าง แมนฯ ซิตี้ ตามตูดทีมนำจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล อยู่ถึง 6 แต้ม หากต้องการจะป้องกันแชมป์ให้ได้อีก 1 สมัย รวมเป็น 3 สมัยติดต่อกันก็ต้องรีบหาจุดเปลี่ยนให้เจอโดยเร็วที่สุด ครั้นจะไปหวังพึ่งทีมอื่น ด้วยการยืมจมูกของพวกเขาช่วยหายใจ ผลลัพธ์ก็มักออกมาอย่างที่เห็นนั่นแหละครับ
ป่านนี้ยังไม่มีใครอาจหาญถึงขนาดหยุดเครื่องจักรสีแดงผู้อหังการได้เลยสักทีมเดียว ฉะนั้นหากต้องการลดช่องว่างให้น้อยลง มันก็ต้องพึ่งตัวเองนั่นแหละ ในทางกลับกัน หาก ลิเวอร์พูล เป็นผู้ชนะ
ระยะห่างจะถูกถ่างออกไปเป็น 9 แต้ม แม้นเส้นทางในการขับเคี่ยวจะยังคดเคี้ยวและอีกยาวไกลพอสมควร แต่มันก็เหมือนจบแบบไม่เป็นทางการจนพอจะรำพึง & รำพันกับตัวเองได้ว่า "มันจบแล้วครับนาย"
เผลอๆ แมนฯ ซิตี้ อาจถอดใจพลางร้องเพลง "ยอมยกธง" ของ...เอ่อ..อ..อ..ของใครนะ...ของใครก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน เอาเป็นว่าช่างหัวลูกสาวคุณยายมันเถอะ บางทีในเส้นทางที่เหลือ พวกเขาอาจเล่นแบบประคองตัวไปเรื่อยๆ แล้วมุ่งเน้นไปที่การไล่ล่าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ แบบเอาตายไปเลย
แล้วอย่าลืมนะครับว่า...ที่นี่ แอนฟิลด์ ว่าแล้วขอทบทวนความจำ 2 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือจำได้ไหมครับว่า ลิเวอร์พูล เสียหลักพุ่งชนความปราชัยในบ้านตัวเองเป็นครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?
มันนานแสนนานจนคาดว่าหลายคนคงจะจำกันไม่ได้แล้ว คำตอบคือเมื่อปี 2017 โน่น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2017 ช่วงปลายฤดูกาล 2016-17 เมื่อพวกเขาถูก คริสตัล พาเลซ บุกมาเชือดชัยไปด้วยสกอร์ 2-1
นับตั้งแต่โน้นเป็นจำนวน 45 นัดติดต่อกันเข้าให้แล้วนะครับที่ ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ลีกแบบคาบ้าน ถามว่าเพราะอะไร? ประการหนึ่งคือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เสกให้ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีคุณภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ เกมรับมีความเหนียวแน่นและแข็งแกร่งขึ้น โดยไม่พลาดง่ายๆ จนกลายเป็นทีมที่ตายยาก ขณะที่บรรยากาศในสนามช่วยได้จนเปลี่ยนเป็นความมั่นใจแบบเต็มประดา เมื่อมีฝูง "เดอะ ค็อป" หนุนหลัง
ที่สำคัญคือดวงแข็งอย่างแรงอีกต่างหาก ฤดูกาลที่แล้ว แมนฯ ซิตี้ เกือบบุกไปขย่ม แอนฟิลด์ ได้สำเร็จแล้วเชียว ทว่า ริยาด มาห์เรซ ดันสังหารจุดโทษลอยข้ามคานไปไกล แม้จะไปไม่ถึงดวงจันทร์ แต่ก็ตกอยู่ท่ามกลางดวงดาว
เรื่องที่ 2 คือแล้วจำได้ไหมครับว่า แมนฯ ซิตี้ บุกไปควักชัยชนะกลับออกมาจาก แอนฟิลด์ เป็นครั้งล่าสุดเมื่อไหร่? อันนี้ก็นานจนลืมเหมือนกัน แถมนานแสนนานกว่าการแพ้ในบ้านครั้งสุดท้ายหลายปีเลยทีเดียว
บันทึกว่าครั้งสุดท้ายที่ แมนฯ ซิตี้ บุกไปเอาชนะ ลิเวอร์พูล ที่ แอนฟิลด์ บังเกิดขึ้นเมื่อฤดูกาล 2002-03 นิโกล่าส์ อเนลก้า เหมา 2 ประตูช่วยให้ทีมตราเรือใบบุกไปเชือดหงส์แดง ด้วยสกอร์ 2-1 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2003 หรือเมื่อ 16 ปีที่แล้ว !!!
คำนวณดูแล้ว ชัดเจนว่าภารกิจของ แมนฯ ซิตี้ ในการศึกครั้งนี้ทั้งหนักหนาและสาหัสกว่า พวกเขามีเกมรุกที่เปี่ยมประสิทธิ์ภาพ เฉลี่ยกะซวกตาข่ายได้นัดละ 3 ประตูเป็นอย่างต่ำก็จริง แต่ประสิทธิ์ภาพของมันย่อมถูกลดทอนลงด้วยเกมรับอันเหนียวแน่นและแข็งแกร่งของ ลิเวอร์พูล ที่กองหลังและผู้รักษาประตู
เพราะหลังจากผ่านไป 11 นัด แชมป์เก่าอย่าง แมนฯ ซิตี้ ตามตูดทีมนำจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล อยู่ถึง 6 แต้ม หากต้องการจะป้องกันแชมป์ให้ได้อีก 1 สมัย รวมเป็น 3 สมัยติดต่อกันก็ต้องรีบหาจุดเปลี่ยนให้เจอโดยเร็วที่สุด ครั้นจะไปหวังพึ่งทีมอื่น ด้วยการยืมจมูกของพวกเขาช่วยหายใจ ผลลัพธ์ก็มักออกมาอย่างที่เห็นนั่นแหละครับ
ป่านนี้ยังไม่มีใครอาจหาญถึงขนาดหยุดเครื่องจักรสีแดงผู้อหังการได้เลยสักทีมเดียว ฉะนั้นหากต้องการลดช่องว่างให้น้อยลง มันก็ต้องพึ่งตัวเองนั่นแหละ ในทางกลับกัน หาก ลิเวอร์พูล เป็นผู้ชนะ
ระยะห่างจะถูกถ่างออกไปเป็น 9 แต้ม แม้นเส้นทางในการขับเคี่ยวจะยังคดเคี้ยวและอีกยาวไกลพอสมควร แต่มันก็เหมือนจบแบบไม่เป็นทางการจนพอจะรำพึง & รำพันกับตัวเองได้ว่า "มันจบแล้วครับนาย"
เผลอๆ แมนฯ ซิตี้ อาจถอดใจพลางร้องเพลง "ยอมยกธง" ของ...เอ่อ..อ..อ..ของใครนะ...ของใครก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน เอาเป็นว่าช่างหัวลูกสาวคุณยายมันเถอะ บางทีในเส้นทางที่เหลือ พวกเขาอาจเล่นแบบประคองตัวไปเรื่อยๆ แล้วมุ่งเน้นไปที่การไล่ล่าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ แบบเอาตายไปเลย
แล้วอย่าลืมนะครับว่า...ที่นี่ แอนฟิลด์ ว่าแล้วขอทบทวนความจำ 2 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือจำได้ไหมครับว่า ลิเวอร์พูล เสียหลักพุ่งชนความปราชัยในบ้านตัวเองเป็นครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?
มันนานแสนนานจนคาดว่าหลายคนคงจะจำกันไม่ได้แล้ว คำตอบคือเมื่อปี 2017 โน่น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2017 ช่วงปลายฤดูกาล 2016-17 เมื่อพวกเขาถูก คริสตัล พาเลซ บุกมาเชือดชัยไปด้วยสกอร์ 2-1
นับตั้งแต่โน้นเป็นจำนวน 45 นัดติดต่อกันเข้าให้แล้วนะครับที่ ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ลีกแบบคาบ้าน ถามว่าเพราะอะไร? ประการหนึ่งคือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เสกให้ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีคุณภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ เกมรับมีความเหนียวแน่นและแข็งแกร่งขึ้น โดยไม่พลาดง่ายๆ จนกลายเป็นทีมที่ตายยาก ขณะที่บรรยากาศในสนามช่วยได้จนเปลี่ยนเป็นความมั่นใจแบบเต็มประดา เมื่อมีฝูง "เดอะ ค็อป" หนุนหลัง
ที่สำคัญคือดวงแข็งอย่างแรงอีกต่างหาก ฤดูกาลที่แล้ว แมนฯ ซิตี้ เกือบบุกไปขย่ม แอนฟิลด์ ได้สำเร็จแล้วเชียว ทว่า ริยาด มาห์เรซ ดันสังหารจุดโทษลอยข้ามคานไปไกล แม้จะไปไม่ถึงดวงจันทร์ แต่ก็ตกอยู่ท่ามกลางดวงดาว
เรื่องที่ 2 คือแล้วจำได้ไหมครับว่า แมนฯ ซิตี้ บุกไปควักชัยชนะกลับออกมาจาก แอนฟิลด์ เป็นครั้งล่าสุดเมื่อไหร่? อันนี้ก็นานจนลืมเหมือนกัน แถมนานแสนนานกว่าการแพ้ในบ้านครั้งสุดท้ายหลายปีเลยทีเดียว
บันทึกว่าครั้งสุดท้ายที่ แมนฯ ซิตี้ บุกไปเอาชนะ ลิเวอร์พูล ที่ แอนฟิลด์ บังเกิดขึ้นเมื่อฤดูกาล 2002-03 นิโกล่าส์ อเนลก้า เหมา 2 ประตูช่วยให้ทีมตราเรือใบบุกไปเชือดหงส์แดง ด้วยสกอร์ 2-1 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2003 หรือเมื่อ 16 ปีที่แล้ว !!!
คำนวณดูแล้ว ชัดเจนว่าภารกิจของ แมนฯ ซิตี้ ในการศึกครั้งนี้ทั้งหนักหนาและสาหัสกว่า พวกเขามีเกมรุกที่เปี่ยมประสิทธิ์ภาพ เฉลี่ยกะซวกตาข่ายได้นัดละ 3 ประตูเป็นอย่างต่ำก็จริง แต่ประสิทธิ์ภาพของมันย่อมถูกลดทอนลงด้วยเกมรับอันเหนียวแน่นและแข็งแกร่งของ ลิเวอร์พูล ที่กองหลังและผู้รักษาประตู
ติดตามข่าวสารได้ที่ minijs.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น