การดึงศักยภาพ
ร็อดเจอร์ส ทำให้ เดอะ ค็อป มีแบนเนอร์ "Make Us Dream" เขาดึงศักยภาพของ "ซัวเรซ-สเตอร์ริดจ์" ด้วยระบบให้ทั้งคู่เฉิดฉายที่สุด ซึ่งทั้ง 2 ยิงประตูรวมกัน 55 ประตู ร็อดเจอร์ส ปรับตำแหน่งของ เจอร์ราร์ด มาเป็น ตัวโฮลด์บอล ที่คอยสร้างสรรค์เกมจากแดนหลัง(Deep lying playmaker)
เฮนเดอร์สัน, คูตินโญ่ และ สเตอร์ลิง ล้วนแจ้งเกิดในบทบาทที่ได้รับคำสั่งจาก ร็อดเจอร์ส เขาปรับแต่งกลยุทธ์อันชาญฉลาด สลับกันระหว่างแผน 4-3-3 กับ 4-4-2 แบบไดมอนด์ โดยมี สเตอร์ลิง คอยสนับสนุน
มาร์ติน สเคอร์เทล และ จอห์น ฟลาเนแกน แสดงผลงานได้ดีสุดในอาชีพด้วยการมี ร็อดเจอร์ส เป็นผู้ให้คำแนะนำ การยิง อาร์เซน่อล 4-0 ในช่วง 20 นาที ถล่ม สเปอร์ส 5-0 บุกชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-0 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ดและ เอาชนะ แมนฯ ซิตี้ 3-2 ที่ แอนฟิลด์
ร็อดเจอร์ส ถูกยกย่องจากการที่ ลิเวอร์พูล เล่นฟุตบอลด้วยเกมรุกระดับมาสเตอร์พีซ ซึ่งที่ต้องทำแบบนั้นก็เพื่อกลบช่องโหว่ของเกมรับ ลิเวอร์พูล ชนะ 11 เกมติดต่อกัน...
ในขณะที่เหลืออีก 3 เกมสุดท้าย พวกเขานำจ่าฝูงทิ้งห่าง 7 คะแนน และ ร็อดเจอร์ส ใกล้จะเป็นผู้ที่ยุติการรอคอยแชมป์ลีก 24 ปีของทีมได้สำเร็จ ซึ่งหากทำได้นั้น เขาจะได้รับเกียรติสร้างรูปปั้นหน้าสนามอย่างแน่นอน
โชคชะตาอันโหดร้ายเข้ามาแทรกในนัดที่ 36 เกมกับ เชลซี เจอร์ราร์ด สะดุดล้มกลางสนาม เดมบ้า บา ฉกไปยิงประตู ในรูปเกมที่ ลิเวอร์พูล ได้เปรียบเอามากๆ ร็อดเจอร์ส โดนตำหนิอย่างรุนแรงว่าวางแผนได้ไร้เดียงสา
เขาสั่งให้ทีมบุกแบบเต็มที่ ทั้งที่จริงๆ แล้วขอแค่ 1 คะแนนก็ถือว่าเพียงพอที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล ยังเป็นฝ่ายได้เปรียบในการลุ้นแชมป์ลีก "ผมรู้สึกได้ว่า เบรนแดน มีความมั่นใจมากเกินไปในตอนที่ทำการประชุมทีม(Team Talk) - เราเล่นเข้าแผนของ เชลซี กันไปเอง" เจอร์ราร์ด กล่าวใน มาย สตอรี่ หนังสืออัตชีวประวัติของเขา
ในความจริง ทีมชุดนั้นโดนบีบให้เล่นแบบเดียวเท่านั้น(เกมรุก) และที่จริงตอนแรกมันก็ได้ผลดีจนกระทั่งไปถึงจุดๆ หนึ่ง
สุดท้ายการที่พวกเขาโดน คริสตัล พาเลซ ตามตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกม ทั้งที่นำไปก่อน 3-0 ก็ส่งให้ แมนฯ ซิตี้ ได้แชม์ไปครอง ซึ่งที่จริงโอกาสลุ้นแชมป์มันริบหรี่ตั้งแต่เกมกับ เชลซี แล้ว
ลิเวอร์พูล โดยเยาะเย้ยว่าทำพลาดกันไปเอง แต่พวกเขาก็ชนะถึง 12 จาก 14 เกมสุดท้ายของฤดูกาล ร็อดเจอร์ส กล่าวในภายหลังว่าสาเหตุสำคัญที่ทีมต้อพลาดแชมป์คือ ช่วงโค้งสุดท้ายเขาไม่สามารถใช้งาน เฮนเดอร์สัน ได้ เพราะติดโทษแบน 3 นัด
สิ่งที่น่าสนใจอีกคือ พวกเขาเกือบจะคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ทั้งที่เสียประตูไปถึง 50 ลูก ซึ่งนั่นก็เพราะเกมรุกที่คอยกลบจุดอ่อนในเรื่องเกมรับ
ร็อดเจอร์ส ก้าวข้ามความคาดหมายของใครหลายคน เขาทุบหน้าอกของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจเพื่อเป็นการน้อมรับคำสรรเสริญจากเหล่า เดอะ ค็อป ในตอนที่ฤดูกาลอันน่าเหลือเชื่อปิดฉากลง "ใช่ เราสามารถดำเนินขั้นตอนสุดท้ายสู่ความสำเร็จได้"
เฮนเดอร์สัน, คูตินโญ่ และ สเตอร์ลิง ล้วนแจ้งเกิดในบทบาทที่ได้รับคำสั่งจาก ร็อดเจอร์ส เขาปรับแต่งกลยุทธ์อันชาญฉลาด สลับกันระหว่างแผน 4-3-3 กับ 4-4-2 แบบไดมอนด์ โดยมี สเตอร์ลิง คอยสนับสนุน
มาร์ติน สเคอร์เทล และ จอห์น ฟลาเนแกน แสดงผลงานได้ดีสุดในอาชีพด้วยการมี ร็อดเจอร์ส เป็นผู้ให้คำแนะนำ การยิง อาร์เซน่อล 4-0 ในช่วง 20 นาที ถล่ม สเปอร์ส 5-0 บุกชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-0 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ดและ เอาชนะ แมนฯ ซิตี้ 3-2 ที่ แอนฟิลด์
ร็อดเจอร์ส ถูกยกย่องจากการที่ ลิเวอร์พูล เล่นฟุตบอลด้วยเกมรุกระดับมาสเตอร์พีซ ซึ่งที่ต้องทำแบบนั้นก็เพื่อกลบช่องโหว่ของเกมรับ ลิเวอร์พูล ชนะ 11 เกมติดต่อกัน...
ในขณะที่เหลืออีก 3 เกมสุดท้าย พวกเขานำจ่าฝูงทิ้งห่าง 7 คะแนน และ ร็อดเจอร์ส ใกล้จะเป็นผู้ที่ยุติการรอคอยแชมป์ลีก 24 ปีของทีมได้สำเร็จ ซึ่งหากทำได้นั้น เขาจะได้รับเกียรติสร้างรูปปั้นหน้าสนามอย่างแน่นอน
โชคชะตาอันโหดร้ายเข้ามาแทรกในนัดที่ 36 เกมกับ เชลซี เจอร์ราร์ด สะดุดล้มกลางสนาม เดมบ้า บา ฉกไปยิงประตู ในรูปเกมที่ ลิเวอร์พูล ได้เปรียบเอามากๆ ร็อดเจอร์ส โดนตำหนิอย่างรุนแรงว่าวางแผนได้ไร้เดียงสา
เขาสั่งให้ทีมบุกแบบเต็มที่ ทั้งที่จริงๆ แล้วขอแค่ 1 คะแนนก็ถือว่าเพียงพอที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล ยังเป็นฝ่ายได้เปรียบในการลุ้นแชมป์ลีก "ผมรู้สึกได้ว่า เบรนแดน มีความมั่นใจมากเกินไปในตอนที่ทำการประชุมทีม(Team Talk) - เราเล่นเข้าแผนของ เชลซี กันไปเอง" เจอร์ราร์ด กล่าวใน มาย สตอรี่ หนังสืออัตชีวประวัติของเขา
ในความจริง ทีมชุดนั้นโดนบีบให้เล่นแบบเดียวเท่านั้น(เกมรุก) และที่จริงตอนแรกมันก็ได้ผลดีจนกระทั่งไปถึงจุดๆ หนึ่ง
สุดท้ายการที่พวกเขาโดน คริสตัล พาเลซ ตามตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกม ทั้งที่นำไปก่อน 3-0 ก็ส่งให้ แมนฯ ซิตี้ ได้แชม์ไปครอง ซึ่งที่จริงโอกาสลุ้นแชมป์มันริบหรี่ตั้งแต่เกมกับ เชลซี แล้ว
ลิเวอร์พูล โดยเยาะเย้ยว่าทำพลาดกันไปเอง แต่พวกเขาก็ชนะถึง 12 จาก 14 เกมสุดท้ายของฤดูกาล ร็อดเจอร์ส กล่าวในภายหลังว่าสาเหตุสำคัญที่ทีมต้อพลาดแชมป์คือ ช่วงโค้งสุดท้ายเขาไม่สามารถใช้งาน เฮนเดอร์สัน ได้ เพราะติดโทษแบน 3 นัด
สิ่งที่น่าสนใจอีกคือ พวกเขาเกือบจะคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ทั้งที่เสียประตูไปถึง 50 ลูก ซึ่งนั่นก็เพราะเกมรุกที่คอยกลบจุดอ่อนในเรื่องเกมรับ
ร็อดเจอร์ส ก้าวข้ามความคาดหมายของใครหลายคน เขาทุบหน้าอกของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจเพื่อเป็นการน้อมรับคำสรรเสริญจากเหล่า เดอะ ค็อป ในตอนที่ฤดูกาลอันน่าเหลือเชื่อปิดฉากลง "ใช่ เราสามารถดำเนินขั้นตอนสุดท้ายสู่ความสำเร็จได้"
ติดตามข่าวสารได้ที่ minijs.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น