ด้วยบารมีของเขา

จะด้วยบารมีของเขาหรือความไนซ์ของเขาก็ตาม ทั้งดร็อกบา, จอห์น เทอร์รี่และแฟร้งค์ แลมพาร์ดจึงรักเขายิ่ง ว่ากันว่าตอนที่เขาโดนไล่ออกในปี 2011ก็เป็นสามตำนานนี้ที่พาเขาไปดินเนอร์เพื่อร่ำลาในร้านหรูย่านเมย์แฟร์ของมหานครลอนดอน

มาถอดความประโยคที่เขาพูดต่อ"ฟุตบอลจะสไตล์ไหนก็ตามแต่คุณก็ต้องรู้ด้วยว่าเจ้าของทีมต้องการอะไรจากคุณ"ซึ่งกับเชลซีเขาเองก็รับบัญชามาจากโรมัน อบราโมวิชว่าต้องการเห็นทีมมีเอกลักษณ์

อันเช่จัดการให้..ซีซั่นแรกเขาพาทีมได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ถลุงตาข่ายเป็นสถิติ 103 ลูกโดยยิง 7ลูกใส่แอสตัน วิลล่า, สโต๊คและซันเดอร์แลนด์รวมถึงซัด 8 ลูกในเกมสุดท้ายกับวีแกน ครับ อบราโมวิชยิ้มแก้มปริ

ย้อนไปสมัยอยู่เอซี มิลานก็เช่นกัน เขาได้คุยกับซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ซึ่งเป็นเจ้าของทีมตอนนั้นว่าปรารถนาเห็นปีศาจแดงดำเล่นเกมรุกเยอะกว่าเดิม อันเช่จัดให้...ถามว่าจะมีโค้ชสักกี่คนบนโลกที่จัดการปัญหาแดนกลางที่มีทั้งคลาเรนซ์ เซดอร์ฟ, กาก้า, รุย คอสต้า และ อันเดรียล ปิร์โล่ได้??

เขาเลือกใช้ระบบไดมอนด์โดยให้ปิร์โล่เป็นตัวฐานล่างและกาก้าเป็นยอดของเพชรซึ่งก็ประสบความสำเร็จจนพาทีมได้แชมป์ยุโรปปี 2003และแชมป์เซเรีย อาในอีกปีถัดมา

"ผมสร้างทีมเพื่อให้แบร์ลุสโคนี่กับแฟนบอลมีความสุข ผมสร้างทีมเกมรุกให้ทั้งปิร์โล่, เซดอร์ฟ, รุย คอสต้า, กาก้าและเชฟเชนโก้เล่นด้วยกัน ผมเรียนรู้มาเสมอว่าฟุตบอลไม่ควรไปตายตัวกับมัน อยู่ที่ว่าคุณมีทรัพยากรในมือแบบไหน อะไรที่เจ้าของต้องการเพราะหากเจ้าของไม่โปรด คุณก็ลำบาก"

มาถึงเรอัล มาดริดซึ่งเขาอยู่ระหว่างปี 2013-15 ก็เจอโจทย์จากฟลอเรติโน่ เปเรซว่าอยากเห็นบอลที่มีมิติมากขึ้นหลังจากสมัยที่มูรินโญ่อยู่เจอแต่แท็กติกน่าอึดอัด อันเช่จัดการให้...


ตอนแรกเขายอมรับว่าตั้งใจใช้ระบบ 4-4-2 ลุยเลย คือบอลสเปนอาจไม่นิยมรูปแบบกองหน้าสองตัวทว่าเขามองจากนักเตะที่มี เชื่อว่ามันเวิร์กแน่โดยตั้งใจให้คริสเตียโน่ โรนัลโด้ยืนกองหน้าคู่คาริม เบนเซม่าทว่าต้องเปลี่ยนเป็น 4-3-3 เนื่องจากไอ้โด้ต้องการยืนริมเส้นมากกว่า

นอกเหนืออื่นใดก็ยังจับอังเคล ดิ มาเรียรับบทที่ไม่เคยมาก่อน เป็นมิดฟิลด์ด้านซ้าย ไม่ใช่ปีก ไม่ใช่ตัวรุกธรรมชาติแต่กลายเป็นตัวสำคัญชุดนั้น

ใช่ครับ ศัพท์แสงที่ฮิตตอนนั้นจึงเกิดขึ้น"BBC"อันหมายถึงเบนเซม่า, แกเร็ธ เบล และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้จนมาดริดไปถึงเจ้ายุโรปเป็นสมัยที่10

อย่างไรก็ตามข้อด้อยของความเป็นคนไนซ์ ความเป็นคนที่ไม่ยึดติดสิ่งใดก็มักส่งผลให้เขามีปัญหากับหลายทีมในช่วงปีต่อๆมา เขาเองไม่ใช่คนที่เคร่งครัดเรื่องการซ้อมหนัก เป็นคนที่เชื่อว่าคุณภาพต้องมาก่อนปริมาณ เขาเองจึงอาจจุดบุหรี่นั่งดูนักเตะซ้อมโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ

ในโลกของฟุตบอลมักมาคู่กับความไม่แน่นอน อันเชล็อตติกับเอฟเวอร์ตันจึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามว่าเขาจะพลิกโฉมให้สโมสรบ้านๆสักทีมกลายเป็นทีมหัวแถวอย่างที่เจ้าของทีมต้องการได้หรือเปล่า หากนี่เป็นตัวเลือกที่สาวกทอฟฟี่ทุกคนไม่สามารถร้องขอใครได้กว่านี้อีกแล้ว

ติดตามข่าวสารได้ที่ messengerapkapp.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิบากกรรม 'เอบูเอ้'

เด็กหัวฟูกับผู้ใหญ่หน้าเครียด

เมื่อยูโร 2020 กลายเป็นยูโร 2021