ต้องพบเจอกับความยากลำบาก
แม้เรื่องราวในอดีตของเธออาจจะต้องพบเจอกับความยากลำบาก เนื่องจากเคยบาดเจ็บอย่างหนักจนต้องผ่าเข่ามาแล้วถึงสองข้าง ทว่าความเป็นสาวนักสู้บนสังเวียนลูกหนัง ทำให้เธอก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยได้สำเร็จ "ตาล" ณัฐกานต์ ชินวงศ์
แข้งสาววัย 27 ปี เริ่มรู้จักการเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 14 ปี ด้วยเหตุที่มีแต่เพื่อนผู้ชาย รวมถึงพี่ชายที่ชอบเล่นฟุตบอลมาก ทำให้เธอเกิดความรู้สึกหลงไหล และแอบคิดว่าถ้าเราเป็นผู้หญิงแล้วมาเล่นฟุตบอลจริงๆจังๆ มันจะเป็นยังไงบ้าง
เธอไม่รอช้า เธอก็ได้เริ่มเล่นฟุตบอลและพัฒนาฝึกฝนตัวเองเรื่อยมาก่อนจะเข้าไปเรียนที่โรงเรียนกีฬาแห่งหนึ่งตั้งแต่ ม.1 ถึง ม.6 โดยในขณะนั้นมี "โค้ชหนึ่ง" หนึ่งฤทัย สระทองเวียน เป็นโค้ชอยู่ด้วย จนเธอได้มีโอกาสขึ้นไปร่วมฝึกซ้อมกับทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ชุดใหญ่
กลายเป็นสิ่งที่จุดประกายความเป็นนักฟุตบอลอาชีพในตัวเธอทันที การได้เห็นรุ่นพี่ฝึกซ้อม ได้ไปแข่งขันในนามทีมชาติตามทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ทำให้เธอมีความคิดอยากก้าวขึ้นไปอยู่จุดนั้นให้ได้ "ซ้อม-ซ้อม-ซ้อม" และก็ซ้อม เพื่อพัฒนาขีดจำกัดของตัวเธอเอง และทำตามเป้าหมายที่วางไว้
ทว่าช่วงเวลาที่รู้สึกท้อก็มาถึง เมื่อเธอต้องพบเจอกับอุปสรรค์อย่างรุนแรงจากการผ่าเข่าทั้งสองข้าง จนครอบครัวของเธอต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เห็นด้วยกับเธอที่จะกลับมาสวมสตั๊ดลงเล่นในสนามอีก เพราะอาจจะทำให้เธอจบเส้นทางในการค้าแข้งไปเลยก็เป็นได้
ทว่าด้วยหัวใจของเธอที่แข็งแกร่งดุจดั่งภูผาหิน แม้อาจจะรู้สึกเจ็บเล็กๆน้อยๆอยู่บ้างเป็นบางครั้ง แต่เธอได้เปลี่ยนจากความเจ็บเป็นความฝัน จึงทำให้เธอได้ไปโลดแล่นบนเวทีระดับโลกในศึกเวิลด์คัพ 2015 ที่ประเทศแคนาดา ได้สำเร็จตามเป้าหมาย
อาจจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้กับคนที่เคยผ่าเข่ามาแล้วสองข้างในการเล่นฟุตบอลอาชีพ แต่เธอก็ได้แสดงให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าทำได้ ความผูกพันกับฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก และความใฝ่ฝันที่จะก้าวไปสู่ระดับโลก สองอย่างนี้นี่เองที่ช่วยให้เธอกลายเป็นหญิงแกร่งและบรรลุทุกสิ่งอย่างลุล่วง
สาวจากจังหวัดขอนแก่น เคยพูดสั้นๆไว้ว่า "อย่าหยุดตอนที่คุณเหนื่อย แต่จงหยุดเมื่อคุณทำสำเร็จแล้ว" มันก็เหมือนกับอะดรีนาลีนที่สูบฉีดเข้าไปในหัวใจ ให้เกิดเป็นไฟลุกโชย เพราะหากคุณท้อแท้และหยุดเดินเมื่อไหร่ คุณก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างแน่นอน
จากวันนั้นจนมาถึงวันนี้ เธอกำลังจะก้าวข้ามบันไดอีกขั้น ด้วยการลงเล่นในศึกชิงแชมป์โลก 2019 ซึ่งเป็นหนที่สองของเธอในห้วงชีวิตการค้าแข้งด้วยวัย 27 ปี และหารู้ไม่หากทัพ "ชบาแก้ว" ได้สิทธิ์ไปเล่นเวิลด์คัพสมัยที่ 3 เธอจะกลายเป็นแข้งหญิงไทยที่ได้ไปโลดแล่นบนเวทีระดับโลกครั้งที่ 3 ตลอด 12 ปีเลยก็เป็นได้
เส้นทางลูกหนังของเธอแสดงให้เห็นอะไรหลายๆอย่าง แม้จะท้อแต่ไม่เคยถอย เพื่อความฝัน เพื่อความสำเร็จ หากแข้งสาวรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโต กำลังเหนื่อย แลรู้สึกท้อ เธอเป็นอีกคนที่น่าจดจำและจะช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคน เพราะชีวิตยังคงสวยงามเสมอ
ติดตามข่าวสารได้ที่ sharkmaine.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น