สงครามยังไม่จบ
กล่าวคือ สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพผีแดง นั่นเอง ด้าน โซลชา ก็ระบุในทำนองเดียวกันว่า ผีแดง ยังไม่ตาย และยังมีเกมอีกนัดให้ได้พลิกสถานการณ์
"เราเคยแสดงให้เห็นมาก่อนว่าเราตกเป็นรองในเกมเหย้า และพลิกสถานการณ์ได้ อย่างปีก่อนก็มีเกมกับ เปแอสเช เป็นตัวอย่าง" กุนซือชาวนอรเวย์เอื้อนเอ่ยถึงเกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีมอีกจนได้
ได้ยินแล้ว ออกจะรู้สึกว่ามันเป็นเทปม้วนเดิม เป็นแผ่นเสียงตกร่องยังไงไม่ทราบและเหมือนจะเป็น "วลีอมตะ" ประจำตัวไปแล้วที่กุนซือหน้าทารกมักต้องหยิบยกมาพูดถึงเสมอในยามที่ทีมประสบกับเกมที่เลวร้าย โอเค แมนฯ ยูไนเต็ด อาจบุกไปสยบ แมนฯ ซิตี้ ได้ แต่อย่างที่จั่วหัวเอาไว้นั่นแหละว่า โซลชา คงลืมไปว่าโละ ลูกากู ทิ้งไปแล้ว luminokaya.com จะผิดหรือจะถูกก็เป็นอีกเรื่อง แต่ที่แน่ๆ มันชัดเจนว่า ลูกากู ย้ายไปสร้างประโยชน์ให้ งูใหญ่ ได้อย่างเห็นได้ชัด แถมเกมล่าสุดก็เหมายิงสองเม็ดพา อินเตอร์ บุกพิชิต นาโปลี 3-1 นำหน้าเป็นจ่าฝูงของลีกเซเรียอาได้ต่อ มองดูแล้ว จึงถือเป็นบุญของ ลูกากู เหมือนกันที่ อันโตนิโอ คอนเต้ เชื่อมั่นในฝีเท้าของเขา ต่างไปจากวิสัยทัศน์ของ โซลชา
และที่จะลืมไม่ได้ก็คือเป็น ลูกากู คนนี่แหละที่ได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงกับ เปแอสเช นัดสอง และซัดคนเดียวสองเม็ดพา ผีแดง
บุกกำชัย 3-1 ผ่านเข้ารอบด้วยกฏประตูทีมเยือนจากสกอร์รวม 5-5 จากเกมแรกที่แพ้ เปแอสเช คารัง 2-0 โซลชา จับกองหน้าทีมชาติเบลเยี่ยมเป็นตัวสำรอง และใช้งานเขาในช่วงห้านาทีสุดท้ายเท่านั้น
ถัดมาในถ้วยเดียวกันนี้รอบแปดทีมนัดต่อกรกับ บาร์เซโลน่า แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านปราชัยไปก่อนอีกตามเคยด้วยสกอร์ 1-0และไม่ต้องบอกก็รู้ว่า โซลชา ให้สัมภาษณ์หลังเกมแบบไหน! จะอะไรซะอีกหากไม่ใช่ว่า ผีแดง ยังมีลุ้นที่คัมป์นู หลังแสดงให้เห็นมาแล้วที่ ปารีส ในรอบก่อนหน้านี้ หลังได้รับการตอบแทนให้อยู่ในสนามจนถึงนาทีที่ 68 ลูกากู ก็โดนเปลี่ยนตัวในเกมแรกกับทีมยักษ์จากลา ลีกา ถัดมาในนัดสอง แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีปาฏิหารย์ซ้ำอีก และโดน บาร์ซ่า ถลุง 3-0 โดยที่ ลูกากู ได้ลงบู๊ในช่วง 15 นาทีสุดท้าย ทั้งหมดนี้ ไม่ได้ต้องการบอกว่า ลูกากู เก่งฉกาจกว่าบรรดากองหน้าทุกชีวิตที่ โซลชา มีอยู่ในสังกัด แต่ที่อยากสื่อให้เห็นก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ขาดอะไรไปหลายอย่างหลังตัดสินใจลอยแพกองหน้าร่างบึก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ความแตกต่าง" ที่ ลูกากู สามารถมอบให้กับทีมได้ ดังจะเห็นว่าแผงหน้าของ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดนี้เป็นนักเตะสปีชี่เดียวกันหมด ไม่ว่าจะเป็น แรชฟอร์ด , อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล , แดเนี่ยล เจมส์ , เมสัน กรีนวู้ด หรือว่า เจสซี่ ลินการ์ด ซึ่งต่างก็มีจุดเด่นในด้าน ความเร็ว แต่กับนักเตะในแผงหลังและกลาง ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกเรือเกลือทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ฟิล โจนส์ , วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ , แฮร์รี่ แม็ก ไกวร์ , ฆวน มาต้า , เนมานย่า มาติช , เฟร็ด และ ฯลฯ ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่ทันกินแล้วสำหรับฟุตบอลยุคนี้ แต่ก็เอาล่ะ กลับมาที่ ลูกากู ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการไม่มีกองหน้าตัวเป้าโดยธรรมชาติทำให้ ผีแดง ลดระดับตัวเองลงไปอย่างน่าเศร้า กล่าวคือ แมนฯ ยูไนเต็ด ชั่วโมงนี้มี "มิติเดียว" และเล่นได้ในสไตล์เดียวเท่านั้นคือรอโอกาสโต้กลับในยามต้องเผชิญหน้ากับทีมระ ดับท๊อปที่ครองเกมได้เหนือกว่า และที่น่าเสียดายที่สุดคือ กองทัพที่ไร้แสนยานุภาพของ โซลชา ไม่มีทีเด็ดในการโจมตีภาคเวหาดังจะเห็นว่า ปีศาจแดง หน่อมแน้ มากเมื่อได้ลูกเตะมุมซึ่งพวกเขาทำประตูจากจังหวะนี้แทบไม่ได้เลยเพราะไม่มี "ตัวชน" นั่นเอง หรือหากจะโยนบอลจากปีกเข้ามา ผีแดง ก็ไร้พิษสงที่จะทำสกอร์ได้ แถมนักเตะส่วนใหญ่ในทีมต่างก็โยนบอลไม่เอาไหนซะด้วย เพราะมักสาดบอลยาวไปเสาสาม เสาสี่เสมอ
จากอดีตที่เคยเกรียงไกรด้วยการโจมตีคู่แข่งทางปีกอันเป็น "ดีเอ็นเอ" ของสโมสร หากเปรียบเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ มายุคนี้ กอง ทัพ "เร้ด อาร์มี่" มีแค่ จรวด จรวด และ จรวด เท่านั้น หลังจากพวกเขาตัดสินใจขาย ขีปนาวุธ ให้กับทีมอื่นไปแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น