เป็นศึกแดงเดือดที่อยู่เหนือเหตุผล

คราวนี้ รุด ฟาน นิสเตลรอย สังหารจุดโทษไม่พลาด ก่อนดาวเตะเจ้าของสมญา "สุกรโลกันตร์" จะย้ำหัวตะปูตอกฝาโลกส่ง อาร์เซน่อล ลงหลุม ไม่อยากบอกเลยว่าตัวผมก็คือหนึ่งสักขีพยานที่อยู่ในการศึกครั้งนั้นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วย


เสียงคำรามพร้อมทำนองที่ว่า "Bollock to it fifty games" ดังกระหึ่ม ประโยคนี้แปลงความหมายเป็นไทยได้ประมาณว่า "ไอ้พวกลูกกระโปกอดทำสถิติไร้พ่าย 50 นัด"

เรด อาร์มี่ ร้องรำทำเพลงนี้กันอย่างสนุกสนานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนเกิดตำนาน "พิซซ่าบินอันตราย" เมื่อดาวเตะวัยคะนองของทีมปืนโตอย่าง เชส ฟาเบรกาส เอาพิซซ่ามาปาใส่หลัง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในจังหวะที่ผู้เล่น 2 ทีมกำลังชุลมุนวุ่นวายกันอยู่ในอุโมงค์ทางเดินหน้าห้องแต่งตัว 49 นัดที่ อาร์เซน่อล ไร้พ่ายมี แมนฯ ยูไนเต็ด เข้าไปมีเอี่ยวทั้งเป็นหนึ่งในสะพานที่ทอดให้ลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ สับตีนข้ามไปทำสถิติสุดวิเศษ แถมยังเป็นผู้หยุดสถิติไร้พ่ายของ "เดอะ กันเนอร์ส" ได้สำเร็จซะด้วย ตัดภาพกลับมา ณ ปัจจุบัน สถิติไร้พ่ายตลอดฤดูกาล และสถิติไร้พ่าย 49 นัดที่อยู่ยงคงกระพันมานานถึง 16 ปีของ อาร์เซน่อล mobemarketplace.com กำลังถูกเขย่าอย่างรุนแรง หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ไม่รู้จักคำว่าแพ้พ่ายในพรีเมียร์ลีกติดต่อกัน 37 นัด นับตั้งแต่เสียท่าให้ แมนฯ ซิตี้ ด้วยสกอร์ 2-1 ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อ 3 มกราคม 2019 ลิเวอร์พูล ก็ไม่เคยแพ้ใครในลีกสูงสุดอีกเลย โดยเป็นเวลาเกินหนึ่งปีแล้วนะครับ ฤดูกาลนี้ พลพรรคเครื่องจักรสีแดงผู้อหังการทำสถิติไม่แพ้ 20 นัดในพรีเมียร์ลีก บวกกับเมื่อฤดูกาลที่แล้วอีก 17 นัด รวมกันเป็น 37 นัด หมายความว่าหากรักษาความบริสุทธิ์ต่อไปได้อีก 12 นัด ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็จะทำสถิติเทียบเท่าสถิติที่ อาร์เซน่อล เคยบันทึกเอาไว้และต่อไปคือรายนามของคู่แข่งที่ ลิเวอร์พูล จะต้องเจออีก 12 นัดในพรีเมียร์ลีก


สเปอร์ส (เยือน) แมนฯ ยูไนเต็ด (เหย้า) วูล์ฟส์ (เยือน) เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (เยือน) เซาธ์แฮมป์ตัน (เหย้า) นอริช ซิตี้ (เยือน) เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (เหย้า) วัตฟอร์ด (เยือน) บอร์นมัธ (เหย้า) เอฟเวอร์ตัน (เยือน) คริสตัล พาเลซ (เหย้า) แมนฯ ซิตี้ (เยือน)


ถามว่าทีมไหนพอที่จะเป็น "ความหวังของชาวโลก" ได้บ้าง สุดสัปดาห์นี้ ลิเวอร์พูล จะบุกไปเยือนถิ่นของทีมคลับไก่ที่ศูนย์หน้าตัวความหวังอย่าง แฮร์รี่ เคน ดันมาบาดเจ็บพอดี แถมสถิติก็ข่ม สเปอร์ส มาโดยตลอด

นัดถัดไปถึงแม้จะเป็นศึกแดงเดือดที่อยู่เหนือเหตุผลและความเข้าใจ แต่เรียนตามตรงว่ามันคงเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าปอกทุเรียนด้วยมือเปล่าที่พลพรรคปีศาจสามง่ามหักในสภาพนี้จะบุกไปยัดเยียดความปราชัยให้เจ้าถิ่น ตามมาด้วยการเยือน "หมาป่า" ที่น่ากลัวในบ้าน หากผ่าน 3 เกมนี้ได้โดยไม่แพ้ สถิติไร้พ่ายของ ลิเวอร์พูล จะวิ่งผ่านบางเขนไปถึงหลัก 4 โปรแกรมที่เหลือจากนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร กระทั่งการบุกไปเยือนถิ่นอิสต์แลนด์ส ของ แมนฯ ซิตี้ อีกครั้งนั้นแหละ หากรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองเอาไว้ได้ พวกเขาจะไปที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม พร้อมสถิติไร้พ่าย 48 นัด หมายความว่า แมนฯ ซิตี้ นี่แหละครับคือความหวังอันสูงสุดของชาวโลกในการหยุดยั้ง ลิเวอร์พูล ถ้าหยุดไม่ได้ก็มีโอกาสที่จะยิงยาวไปจนถึงเส้นชัย บรรทัดนี้ขอยืนยันอย่างหนักแน่นอีกครั้งนะครับว่าการเป็นแชมป์นั้นยาก แต่การเป็นแชมป์แบบไร้พ่ายนั้นยากดับเบิ้ลยากเสียยิ่งกว่า มิเช่นนั้น อาร์เซน่อล คงไม่ใช่เพียงทีมเดียวในประวัติศาสตร์ลูกหนังที่เคยทำสำเร็จ ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวก "เดอะ ค็อป" ในฤดูกาลนี้ มันก็น่าหวาดหวั่นมิใช่น้อย เพราะเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นใจให้พวกเขาหมด พูดกันแบบขำขำว่าทางเดียวที่จะหยุด ลิเวอร์พูล ไม่ให้ควบตะบึงเข้าใส่ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก คือสงครามโลก ครั้งที่ 3 นั่นแหละ เพราะหากเกิดสงครามโลก ครั้งที่ 3 ขึ้นจริงๆ หมายความว่า 'สงครามโลก' นะครับ อังกฤษพวกเดียวกับเมกาอยู่แล้วและฟุตบอลลีกสูงสุดของอังกฤษคงต้องหยุดเว้นวรรคไปเหมือนที่มันเคยเกิดขึ้นในสงครามโลก ครั้งที่ 1 และสงครามโลก ครั้งที่ 2 อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อวันก่อน ประธานาธิปดี ดอนัลด์ ทรัมป์ ประกาศสงบศึกพลางขอประนีประนอมกับคู่กรณีของตัวเองอย่าง อิหร่าน เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งถือเป็นเรื่องดีของทั้ง 2 ฝ่าย เพราะสงครามนั้นมีแต่ความสูญเสีย หากนักรบแห่งเปอร์เซียต้องการทำสงครามแบบเปิดหน้าแลก บอกได้เลยครับว่า "บรรลัย" พวกเขาไม่มีทางต้านทานความแข็งแกร่งของกองทัพพญาอินทรี นอกเสียจากจะใช้การต่อสู้แบบจรยุทธ์ หรือโจมตีแบบกองโจรใส่ฐานทัพของสหรัฐฯ ที่มีอยู่ทั่วโลกแบบย่องตอด แต่ขืนทำแบบนั้น เกรงว่าประเทศอิหร่านจะหายไปจากแผนที่โลกไปเสียเปล่าๆ ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่มีสันติภาพเกิดขึ้นบนโลกเน่าๆ ของเรานะครับ ซึ่งตัวจริงของผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสงบศึกครั้งนี้ ก็คือพวกพี่ๆ เขานี่แหละ ครับ...พวกพี่ๆ เขานั่นแหละ เข้าใจว่าท่านประธานาธิปดีของสหรัฐฯ คงทราบดี มิหนำทั้ง "แพนตาก้อน" และ "ซีไอเอ" รวมถึง 'นาซ่า' คงรายงานให้รับทราบแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลก และพวกพี่ๆ เขามีความน่าสะพรึงมากขนาดไหน

นอกจากน่าสะพรึงแล้วยังทรงพลังอย่างแรงอีกต่างหาก ขืนทะลึ่งก่อสงครามโลกด้วยความบ้าอำนาจจนส่งผลให้พวกพี่ๆ เขาไม่ได้ฉลองแชมป์ที่รอคอยมาอย่างยาวนานถึง 30 ปีล่ะก็ อืมมมมมม...นะ ขออนุญาตทำลูกกระเดือกกระเพื่อม ต่อให้เป็นถึง "พญาอินทรี" ก็ไม่มีทางต้านทานอยู่ หลังใช้หัวแม่ตีนตรึกตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ดอนัลด์ ทรัมป์ จึงประกาศออกมาแบบนั้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิบากกรรม 'เอบูเอ้'

เด็กหัวฟูกับผู้ใหญ่หน้าเครียด

เมื่อยูโร 2020 กลายเป็นยูโร 2021