การได้แชมป์นี้จะทำให้เกิดยุคใหม่
หลังได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2005 แฟนๆต่างปรารถนาว่าการได้แชมป์นี้จะทำให้เกิดยุคใหม่ของลิเวอร์พูล แม้ว่าถัดมา 1 ปี ลิเวอร์พูลยังคว้าถ้วยมาประดับสโมสรได้อีก คือแชมป์ เอฟเอ คัพ 2006
และสามารถดึงสตาร์อย่าง เฟร์นันโด ตอร์เรส เข้ามาร่วมทีมได้ แต่หลังจากนั้นถ้วยแชมป์ก็ไม่ปรากฎอีกเลยจนเมื่อสโมสรได้รับการเทคโอเวอร์จากช่วงหายนะ
คริส บาสคอมบ์ คอลัมนิสต์ฝีมือดี ได้วิเคราะห์ผ่านเว็บไซต์ เทเลกราฟ ว่าเพราะเหตุใด แชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 นี้ แตกต่างจากครั้งก่อน และสิ่งที่ลิเวอร์พูลต้องทำต่อไปเพื่อครองความยิ่งใหญ่ในอนาคต จูงใจให้เจอร์เก้น คล็อปป์อยู่กับทีมไปอีก 10 ปี
ตราบใดที่ FSG ยังเป็นเจ้าของลิเวอร์พูล รับประกันได้ว่าจะไม่มีการกดดันจากผู้ถือหุ้นแน่นอน ซึ่งพวกเขาก็ต้องการให้เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้นำลิเวอร์พูลต่อไป การเอาชนะท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ส่งผลให้ความผูกพันของผู้จัดการทีม, สโมสร และแฟนบอล มีมากขึ้น มันมีค่าที่ต่อให้เงินก็มาซื้อไม่ได้ ฉะนั้นลิเวอร์พูลจำเป็นต้องเก็บรักษาสิ่งนี้ไว้
ตอนนี้ลิเวอร์พูลมาถึงจุดที่นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะมีใครที่ควรคุม ลิเวอร์พูล มากไปกว่า คล็อปป์ ขณะเดียวกันก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่ากุนซือชาวเยอรมันจะเจอทีมอื่นที่มีระดับของการจัดการและมีชื่อเสียงอันโด่งดัง, มีศักยภาพทางการแข่งขันสูง
และมีทรัพยากรดีพอสำหรับการสร้างทีมให้ยิ่งใหญ่นอกจาก ลิเวอร์พูล ได้ เขาเป็นคนที่ช่วยปลุกเร้าอารมณ์ร่วมที่ยอดเยี่ยม ซึ่งที่จริงแล้วอารมณ์ร่วมแบบนั้นคือสิ่งที่ทำให้ ลิเวอร์พูล เป็นยอดทีมมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้
คล็อปป์ รับค่าเหนื่อยกับลิเวอร์พูล ประมาณ 7 ล้านปอนด์ ต่อปี ซึ่งมันน้อยกว่าที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่รับจากแมนฯซิตี้ เกือบเท่าตัว หรือที่โชเซ่ มูรินโญ่ รับกับแมนฯยูไนเต็ด ก่อนจะถูกไล่ออก
เรื่องเงินอาจไม่ใช่ปัญหาของคล็อปป์ เพราะหากเขาคิดถึงเรื่องนี้ เขาคงไม่มารับงานกับลิเวอร์พูล เขาคงไปอยู่กับ เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค หรือ ทีมในไชนีส ซูเปอร์ ลีกแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของ FSG นั้น เข้าใจในเรื่องการผันผวนของตลาดและการลงทุนในสิ่งที่ทีมมีดีอยู่แล้ว ซึ่งความฉลาดนี้เป็นจุดแข็งของทีมผู้บริหาร ในเมื่อมีคล็อปป์อยู่ที่นี่แล้ว พวกเขาคงไม่ต้องการที่จะหาใครเข้ามาแทนที่
การตบรางวัลหรือขยายสัญญาให้แก่คล็อปป์ เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้คู่แข่งทุกทีมรู้ว่าควรจะทำตัวให้ชินกับการที่ ลิเวอร์พูล จะสู้เพื่อล่าเกียรติยศทุกรายการ แถมมันจะไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในอีก 3 ปีต่อจากนี้ แต่นานจนถึงขั้นระดับเป็นยุคๆหนึ่งเลย แน่ใจว่า แอนฟิลด์ คือที่สุดท้ายของฟาน ไดค์
และสามารถดึงสตาร์อย่าง เฟร์นันโด ตอร์เรส เข้ามาร่วมทีมได้ แต่หลังจากนั้นถ้วยแชมป์ก็ไม่ปรากฎอีกเลยจนเมื่อสโมสรได้รับการเทคโอเวอร์จากช่วงหายนะ
คริส บาสคอมบ์ คอลัมนิสต์ฝีมือดี ได้วิเคราะห์ผ่านเว็บไซต์ เทเลกราฟ ว่าเพราะเหตุใด แชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 นี้ แตกต่างจากครั้งก่อน และสิ่งที่ลิเวอร์พูลต้องทำต่อไปเพื่อครองความยิ่งใหญ่ในอนาคต จูงใจให้เจอร์เก้น คล็อปป์อยู่กับทีมไปอีก 10 ปี
ตราบใดที่ FSG ยังเป็นเจ้าของลิเวอร์พูล รับประกันได้ว่าจะไม่มีการกดดันจากผู้ถือหุ้นแน่นอน ซึ่งพวกเขาก็ต้องการให้เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้นำลิเวอร์พูลต่อไป การเอาชนะท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ส่งผลให้ความผูกพันของผู้จัดการทีม, สโมสร และแฟนบอล มีมากขึ้น มันมีค่าที่ต่อให้เงินก็มาซื้อไม่ได้ ฉะนั้นลิเวอร์พูลจำเป็นต้องเก็บรักษาสิ่งนี้ไว้
ตอนนี้ลิเวอร์พูลมาถึงจุดที่นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะมีใครที่ควรคุม ลิเวอร์พูล มากไปกว่า คล็อปป์ ขณะเดียวกันก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่ากุนซือชาวเยอรมันจะเจอทีมอื่นที่มีระดับของการจัดการและมีชื่อเสียงอันโด่งดัง, มีศักยภาพทางการแข่งขันสูง
และมีทรัพยากรดีพอสำหรับการสร้างทีมให้ยิ่งใหญ่นอกจาก ลิเวอร์พูล ได้ เขาเป็นคนที่ช่วยปลุกเร้าอารมณ์ร่วมที่ยอดเยี่ยม ซึ่งที่จริงแล้วอารมณ์ร่วมแบบนั้นคือสิ่งที่ทำให้ ลิเวอร์พูล เป็นยอดทีมมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้
คล็อปป์ รับค่าเหนื่อยกับลิเวอร์พูล ประมาณ 7 ล้านปอนด์ ต่อปี ซึ่งมันน้อยกว่าที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่รับจากแมนฯซิตี้ เกือบเท่าตัว หรือที่โชเซ่ มูรินโญ่ รับกับแมนฯยูไนเต็ด ก่อนจะถูกไล่ออก
เรื่องเงินอาจไม่ใช่ปัญหาของคล็อปป์ เพราะหากเขาคิดถึงเรื่องนี้ เขาคงไม่มารับงานกับลิเวอร์พูล เขาคงไปอยู่กับ เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค หรือ ทีมในไชนีส ซูเปอร์ ลีกแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของ FSG นั้น เข้าใจในเรื่องการผันผวนของตลาดและการลงทุนในสิ่งที่ทีมมีดีอยู่แล้ว ซึ่งความฉลาดนี้เป็นจุดแข็งของทีมผู้บริหาร ในเมื่อมีคล็อปป์อยู่ที่นี่แล้ว พวกเขาคงไม่ต้องการที่จะหาใครเข้ามาแทนที่
การตบรางวัลหรือขยายสัญญาให้แก่คล็อปป์ เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้คู่แข่งทุกทีมรู้ว่าควรจะทำตัวให้ชินกับการที่ ลิเวอร์พูล จะสู้เพื่อล่าเกียรติยศทุกรายการ แถมมันจะไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในอีก 3 ปีต่อจากนี้ แต่นานจนถึงขั้นระดับเป็นยุคๆหนึ่งเลย แน่ใจว่า แอนฟิลด์ คือที่สุดท้ายของฟาน ไดค์
ติดตามข่าวสารได้ที่ ptolitigationcenter.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น