ผู้เล่นระดับคีย์แมน
ประวัติศาสตร์สโมสร ลิเวอร์พูลมักจะซื้อผู้เล่นระดับคีย์แมนมาเติมเต็มในจุดต่างๆ บิล แชงค์ลี่ย์ มี รอน ยีตส์ และ เอียน เซนต์ จอห์น ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้ทีมดีขึ้น จากดิวิชั่นสองสู่แชมป์ลีกสูงสุด และไปต่อยอดในยุโรป
บ็อบ เพสลี่ย์ ดึงเคนนี่ ดัลกลิช, แกรม ซูเนส และ อลัน แฮนเซ่น จนพาทีมขึ้นไปอยู่ในระดับที่เหนือกว่าเดิม ต่อมาดัลกลิช ก็ได้จอห์น บาร์นส มาในปี 1987 ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ลิเวอร์พูลได้แชมป์ลีกครั้งสุดท้าย
สำหรับคล็อปป์และลิเวอร์พูล ทุกสิ่งเปลี่ยนไปเมื่อได้เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เข้ามาจากเซาธ์แฮมป์ตัน แม้ว่าจะแลกด้วยค่าตัวสถิติสโมสรก็ตาม พวกเขาคงไม่มีทางชนะนัดชิงฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้าไม่มีฟาน ไดค์ เข้ามาร่วมทีม
คล็อปป์ และ ฟาน ไดค์ ยังมีสัญญาที่เหลือกับทีมอีกหลายปี ซึ่งค่าตัวของฟาน ไคด์ ในตอนนี้มันมีค่ามากกว่า 75 ล้านปอนด์ไปแล้ว ในการเจรจาครั้งต่อไปหากจะปล่อยฟาน ไดค์ นั้น ลิเวอร์พูลต้องคำนึงถึงเงิน 75 ล้านปอนด์นั้นด้วย
ความสำเร็จของลิเวอร์พูลครั้งนี้ นำมาซึ่งเงินรางวัล ในทางกลับกัน จำนวนเงินที่ต้องจ่ายมันก็ถือว่ามากพอๆ กับเงินรางวัลที่พวกเขาได้รับ แฟนบอลหลายคนของ ลิเวอร์พูล คาดหวังว่าหลังจากนี้ทีมจะทำการทุ่มเงินซื้อนักเตะมาร่วมทีม
แต่ที่จริงแล้วตอนนี้พวกเขาก็มีแข้งระดับที่เป็นกำลังสำคัญอยู่ในทีมอยู่แล้ว และเงินรางวัลจาก ยูฟ่า ก็จะถูกนำไปมอบให้กับเหล่าคนที่ทำให้ ลิเวอร์พูล กลับไปเป็นทีมเบอร์ 1 เพิ่มความยืดหยุ่นในนโยบายซื้อ-ขายนักเตะ
ทุกคนในวงการฟุตบอล มักจะบอกคุณว่าเส้นบางๆ ระหว่างการมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่มันควรจะเป็นแล้ว กับความพึงพอใจ
มันจึงเป็นเหตุมันที่ดี ลิเวอร์พูล มาถึงจุดที่พวกเขาคิดว่าการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้ แค่เซ็นนักเตะกำลังสำรองคนสองคนก็เพียงพอต่อการรักษามาตรฐานในซีซั่นหน้า ตอนนี้ลิเวอร์พูลภายใต้การบริหารของ FSG ถือว่าทำทุกอย่างตามสิ่งที่จำเป็นต่อสโมสร ซึ่งตรงข้ามกับที่หลายคนคิดก่อนหน้านี้
เงินที่ถูกใช้ไปนั้นเกิดจากการขายนักเตะ, เงินรางวัล และรายได้จากสปอนเซอร์ ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากทีมอย่าง อาร์เซน่อล, เชลซี , แมนฯยูไนเต็ด และทีมอื่นๆ ที่น่าจะทำได้ หากทีมเหล่านั้นมีการดำเนินการที่ฉลาดกว่านี้
อย่างไรก็ดี การที่สโมสรยอมเซ็นสัญญาผู้เล่นอย่าง ฟาน ไดค์ และ อลีสซง เพื่อเป็นการเติมเต็มและมันก็เห็นผล ซึ่งต่อไป ถ้าในอนาคตมีแข้งระดับซูเปอร์สตาร์ที่อายุน้อยโผล่ออกมาแล้วล่ะก็ ลิเวอร์พูล ก็จำเป็นต้องอยู่ในจุดที่พร้อมจะทุ่มเงินก้อนโตอีกครั้งให้ได้
บ็อบ เพสลี่ย์ ดึงเคนนี่ ดัลกลิช, แกรม ซูเนส และ อลัน แฮนเซ่น จนพาทีมขึ้นไปอยู่ในระดับที่เหนือกว่าเดิม ต่อมาดัลกลิช ก็ได้จอห์น บาร์นส มาในปี 1987 ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ลิเวอร์พูลได้แชมป์ลีกครั้งสุดท้าย
สำหรับคล็อปป์และลิเวอร์พูล ทุกสิ่งเปลี่ยนไปเมื่อได้เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เข้ามาจากเซาธ์แฮมป์ตัน แม้ว่าจะแลกด้วยค่าตัวสถิติสโมสรก็ตาม พวกเขาคงไม่มีทางชนะนัดชิงฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้าไม่มีฟาน ไดค์ เข้ามาร่วมทีม
คล็อปป์ และ ฟาน ไดค์ ยังมีสัญญาที่เหลือกับทีมอีกหลายปี ซึ่งค่าตัวของฟาน ไคด์ ในตอนนี้มันมีค่ามากกว่า 75 ล้านปอนด์ไปแล้ว ในการเจรจาครั้งต่อไปหากจะปล่อยฟาน ไดค์ นั้น ลิเวอร์พูลต้องคำนึงถึงเงิน 75 ล้านปอนด์นั้นด้วย
ความสำเร็จของลิเวอร์พูลครั้งนี้ นำมาซึ่งเงินรางวัล ในทางกลับกัน จำนวนเงินที่ต้องจ่ายมันก็ถือว่ามากพอๆ กับเงินรางวัลที่พวกเขาได้รับ แฟนบอลหลายคนของ ลิเวอร์พูล คาดหวังว่าหลังจากนี้ทีมจะทำการทุ่มเงินซื้อนักเตะมาร่วมทีม
แต่ที่จริงแล้วตอนนี้พวกเขาก็มีแข้งระดับที่เป็นกำลังสำคัญอยู่ในทีมอยู่แล้ว และเงินรางวัลจาก ยูฟ่า ก็จะถูกนำไปมอบให้กับเหล่าคนที่ทำให้ ลิเวอร์พูล กลับไปเป็นทีมเบอร์ 1 เพิ่มความยืดหยุ่นในนโยบายซื้อ-ขายนักเตะ
ทุกคนในวงการฟุตบอล มักจะบอกคุณว่าเส้นบางๆ ระหว่างการมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่มันควรจะเป็นแล้ว กับความพึงพอใจ
มันจึงเป็นเหตุมันที่ดี ลิเวอร์พูล มาถึงจุดที่พวกเขาคิดว่าการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้ แค่เซ็นนักเตะกำลังสำรองคนสองคนก็เพียงพอต่อการรักษามาตรฐานในซีซั่นหน้า ตอนนี้ลิเวอร์พูลภายใต้การบริหารของ FSG ถือว่าทำทุกอย่างตามสิ่งที่จำเป็นต่อสโมสร ซึ่งตรงข้ามกับที่หลายคนคิดก่อนหน้านี้
เงินที่ถูกใช้ไปนั้นเกิดจากการขายนักเตะ, เงินรางวัล และรายได้จากสปอนเซอร์ ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากทีมอย่าง อาร์เซน่อล, เชลซี , แมนฯยูไนเต็ด และทีมอื่นๆ ที่น่าจะทำได้ หากทีมเหล่านั้นมีการดำเนินการที่ฉลาดกว่านี้
อย่างไรก็ดี การที่สโมสรยอมเซ็นสัญญาผู้เล่นอย่าง ฟาน ไดค์ และ อลีสซง เพื่อเป็นการเติมเต็มและมันก็เห็นผล ซึ่งต่อไป ถ้าในอนาคตมีแข้งระดับซูเปอร์สตาร์ที่อายุน้อยโผล่ออกมาแล้วล่ะก็ ลิเวอร์พูล ก็จำเป็นต้องอยู่ในจุดที่พร้อมจะทุ่มเงินก้อนโตอีกครั้งให้ได้
ติดตามข่าวสารได้ที่ puntmagic.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น