เพื่อให้การทำงานสอดคล้องกับกฎ

ความจริงไม่ใช่เขาตัดสินใจช้าหรือไม่มั่นใจ แต่ต้องทำอย่างนั้นเพื่อให้การทำงานสอดคล้องกับกฎที่ออกมา เป็นอาชีพที่น่าเห็นใจจริงๆ นะครับสำหรับคนเป็นผู้ตัดสินนี่ ทุกอย่างต้องอาศัยเวลา เรากำลังอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดู การเล่น การยอมรับกฎใหม่และเทคโนโลยีใหม่


กฎแฮนด์บอลของผู้เล่นทีมบุกที่ออกมาใหม่ก็ชัดเจน ระบุเป็นถ้อยคำชัดเจนว่า ไม่สนเจตนาของนักเตะฝ่ายรุก ถ้าบอลโดนมือ โดนแขน โดนต้นแขน จับแฮนด์บอลทั้งหมด

ทั้งนี้เพื่อป้องกันข้อถกเถียงที่ต้องมาตีความหรือใช้ดุลยพินิจว่าจังหวะนี้บอลทูแฮนด์หรือแฮนด์ทูบอล ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก็ตัดปัญหาไปเลยว่าถ้าบอลถูกมือหรือแขนฝ่ายบุกเท่ากับแฮนด์บอล.. ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เข้าใจไม่ยาก แต่ขนาดชัดเจนอย่างนี้ ก็ยังมีคนไม่เข้าใจ คอเนอร์ โกอาดี้ กองหลังกัปตันทีมวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส หงุดหงิดกับประตูที่ถูกริบคืนเมื่อวันอาทิตย์เพราะ VAR มองเห็นลูกบอลที่ เลอันเดอร์ เดนด็องเกอร์ โหม่งนั้นไปโดนต้นแขนของ วิลลี่ โบลี่ กองหลังเพื่อนร่วมทีมก่อนจะกระดอนกลับมาให้กองกลางทีมชาติเบลเยียมยิงซ้ำเข้าไป ตามกฎใหม่.. มันก็ต้องเป็นแฮนด์บอลร้อยเปอร์เซนต์ เพราะกฎล้ำหน้าใหม่ไม่สนใจเรื่องเจตนาของผู้เล่นฝ่ายบุกเลย บอลโดนแขนโดนมือจับแฮนด์บอลทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการแฮนด์บอลที่ได้ประตูโดยตรงหรือเป็นที่มาของการได้ประตูในจังหวะต่อเนื่อง กฎก็อธิบายชัดเจนอยู่ แล้วทำไมโกอาดี้ถึงตีโพยตีพายขนาดนั้น เหตุผลที่อดีตปราการหลังเด็กปั้นลิเวอร์พูลอ้างก็ยิ่งไปกันใหญ่นะครับ เขาบอกว่า โบลี่ไม่ได้ยื่นแขนไปขวางบอล ไม่รู้ตัว ไม่ได้มองบอลเลยด้วยซ้ำ ถ้าลูกลักษณะนี้ไม่เป็นประตู วงการฟุตบอลก็กำลังมีปัญหา ต่อไปนักฟุตบอลคงต้องตัดแขนตัวเองก่อนลงเล่นกันแล้วล่ะ


ผมคิดว่าท่าทีของโกอาดี้นั้นเป็นตัวอย่างของปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ เป็นปัญหาเรื่องความคุ้นเคยกับรูปแบบเก่า และแน่นอนว่ามันไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่คิดแบบนั้น


แน่นอนอีกเช่นกันครับที่ทีมของเขาเสียประโยชน์เขาเลยมีสิทธิ์พูดแสดงความคิดเห็น หากมันสะท้อนให้เราเห็นถึงความยากลำบากขององค์กรที่กำกับดูแลในการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ความเข้าใจในกฎต่างๆ ให้เท่ากันในวงกว้าง เพราะกระทั่งนักฟุตบอลที่ควรจะรู้กฎที่สุดก็ยังไม่เข้าใจ อาจไม่ต้องรู้ถ่องแท้เท่ากับผู้ตัดสินก็ได้ครับแต่ความเข้าใจในกฎพื้นฐานอย่างนี้ควรจะมีเพราะกฎนั้นชัดเจนในตัวบทของมันอยู่แล้ว

อันที่จริงกฎต่างๆ นั้นมีทั้งที่ได้ผลและไม่ได้ผล มีการปรับเปลี่ยนกฎนั้นกฎนี้อยู่เรื่อยๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดกับวงการฟุตบอล ฟีฟ่าไม่ใช่องค์กรวิเศษที่ออกกฎอะไรมาก็ประสบความสำเร็จไปเสียทั้งหมด ที่หัวทิ่มหัวตำต้องกลับไปใช้กฎเก่าก็มีมาก กฎใหม่เรื่องแฮนด์บอลนี้ยังบอกไม่ได้ว่าจะประสบความสำเร็จไหมแม้ในความคิดส่วนตัวของผมจะสนับสนุนเต็มที่ก็ตาม มุมมองของโกอาดี้อาจจะกลายเป็นมุมมองกระแสหลักก็ได้ แต่ผมเชื่อว่าคงยากครับด้วยความที่มันมีเหตุมีผลอันเหมาะสมอย่างมากรองรับกฎนี้ชัดเจน เพราะอย่าลืมว่าในขณะที่ฝ่ายรุกได้ประโยชน์จากแฮนด์บอล ฝ่ายรับก็ต้องเป็นผู้เสียประโยชน์ และการเสียประโยชน์นั้นมันรุนแรงกว่าด้วย mobemarketplace.com เพราะมันหมายถึงการเสียประตู ผมจึงชอบกฎใหม่ของฟีฟ่าทั้งเรื่องแฮนด์บอลของฝ่ายรุกและการดร็อปบอลคืนให้ฝ่ายที่ได้ครอบครองมันอยู่เดิม เพราะเป็นการมอบความยุติธรรมคืนให้กับผู้เสียประโยชน์ ในขณะเดียวกับที่ โกอาดี้แสดงให้เห็นถึงการปฏิเสธกฎ ผมก็ได้เห็นถึงทัศนคติในด้านที่พยายามทำความเข้าใจกฎและความเปลี่ยนแปลงของกฎจากคนที่มีวุฒิภาวะมากกว่าอย่าง นูโน่ เอสปริริโต้ ซานโต้ เจ้านายของโกอาดี้เอง สิ่งที่ซานโต้พูดนั้นสมกับเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านเรื่องราวร้อนหนาวในวงการมานาน อายุของเขาอาจจะไม่มากเพิ่งจะแค่ 45 ปี แต่มุมมองนั้นเติบโตและเป็นทัศนคติด้านบวกต่อวงการในภาพรวม นูโน่แสดงความเป็นห่วงในเรื่องเสียงวิจารณ์ที่มีต่อ VAR ว่ามันยังคงมีอยู่ทุกครั้งเพราะเป็นเรื่องการอารมณ์ ซึ่งต้องอาศัยเวลาในการสร้างความคุ้นเคยจนกว่ามันจะกลายเป็นวิถีปกติ ผมชอบที่กุนซือโปรตุกีสพูดครับ "เราฉลองประตูที่ทำได้ แล้วเราก็ต้องหยุดฉลอง และสุดท้ายกลายเป็นแฟนเลสเตอร์ได้ฉลองที่ไม่เสียประตูแทน ช่วงเวลาตรงนี้แหละที่สะกิดใจผมนิดหน่อย มันเป็นจังหวะอารมณ์ที่สะดุดไป ช่วงเวลาที่เราทุกคนต้องอยู่ในความเงียบรอคอยคำตัดสินกันนั่นแหละที่ผมยังไม่ค่อยชอบนัก" ไม่ใช่ความเห็นในเชิงรุนแรงหรือต่อต้านการมีอยู่ของ VAR ไม่ใช่การท้าทายแบบตาต่อตาฟันต่อฟันว่ากูไม่เอา แต่เป็นการบอกเล่าประสบการณ์ร่วมเพื่อดึงเอาจุดด้อยมาคละรวมกับจุดดี เป็นมุมมองที่กว้างขึ้นเพื่อเตรียมรับมือโลกใหม่ เช่นเดียวกับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ของเลสเตอร์ ซิตี้ ที่พูดในมุมที่สมกับเป็นผู้ใหญ่ "กฎมันมีชัดเจนอยู่แล้ว โอเคพวกเขาโชคร้าย พวกเราโชคดี และมันเปลี่ยนโมเมนตัมของเกมไปนิดหน่อยด้วยเพราะหลังจากนั้นเราก็ตั้งหลักได้"

"ความรู้สึกของผมที่มีต่อ VAR น่ะหรือ บางครั้งมันก็อยู่ฝั่งคุณ บางครั้งมันก็อยู่ฝั่งตรงข้ามคุณ คราวนี้เราได้ประโยชน์จากมัน แต่คราวหน้าเราก็อาจจะเสียประโยชน์จากมันเหมือนกัน" เป็นมุมมองที่กว้างและเป็นกลาง ไม่อยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ไม่ยึดผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง ก็นั่นล่ะครับ กฎมีอยู่ตรงนั้น อยู่ที่เราจะยอมรับมันไหม กติกาก็มีอยู่เช่นกัน อยู่ที่เราจะยอมรับมันหรือเปล่า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิบากกรรม 'เอบูเอ้'

เด็กหัวฟูกับผู้ใหญ่หน้าเครียด

เมื่อยูโร 2020 กลายเป็นยูโร 2021