เบอร์ 10 แบบคูตินโญ่
เมื่อเขาย้ายไปบาร์เซโลน่า คล็อปป์ต้องมองหาวิธีการเล่นอีกรูปแบบหนึ่ง จำเป็นต้องโยนแฟ้บโฟร์ทิ้งเพราะไม่มีทางหาเบอร์ 10 แบบคูตินโญ่ได้อีกแล้วในเวลานั้น
เบอร์ 10 แบบคูตินโญ่.. นักเตะตัวสร้างสรรค์เกมที่ถึงพร้อมทั้งฝีเท้าและประสบการณ์ โลดแล่นหลุดพ้นความกดดัน เล่นได้ใกล้เคียงกับการซ้อมที่สุด บัญชาเกมได้ ผ่านบอลคมกริบ ยิงประตูเฉียบขาด วิชั่นกว้างไกล
นั่นคือเบอร์ 10 แบบคูตินโญ่ ช่วงเวลาที่เขาอยู่กับลิเวอร์พูลเป็นช่วงที่คูตี้เบ่งบานสุดขีด ทั้งในยุคเจอร์ราร์ดและยุคหลังเจอร์ราร์ด สองปีผ่านไปนับจากเขาเปลี่ยนสีเสื้อ คล็อปป์พาลิเวอร์พูลเดินหน้าต่อด้วยเกมที่ไม่ต้องมีเบอร์ 10 แบบคูตินโญ่ แต่เป็นเบอร์ 10 แบบมาเน่
จาก 4-2-3-1 เป็น 4-3-3 เต็มตัว สามตัวแดนหน้าเป็นพระเอกแต่สามตัวแดนกลางคือห้องเครื่องที่ขาดไม่ได้เลย วันนี้เกมไหนที่ลิเวอร์พูลปรับไปเล่น 4-2-3-1 เหมือนเครื่องยนต์สะดุดติดๆ ดับๆ เสมอ พวกเขาลงตัวที่สุดแล้วกับ 4-3-3
แต่ฟุตบอลต้องพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะทีมที่เป็นแชมป์ ต้องพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก หนีทีมที่ตามมาไม่ให้ไล่ทัน ปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างในทีม ปรับเล็กบ้าง ปรับใหญ่บ้าง
แม้แต่ทีมที่สมบูรณ์แบบก็ยังต้องปรับ บาร์เซโลน่าในยุคของเป๊ปก็ยังต้องมีนักเตะอย่าง ซลาตัน เอโต้ บีย่า อองรี หมุนเวียนเข้าสู่ทีมทั้งๆ ที่ลำพัง เมสซี่-ชาบี-อิเนียสต้า ก็ไม่มีใครหยุดอยู่
เอซี มิลานยุคคาเปลโล่ แมนฯ ยูไนเต็ดยุคเฟอร์กี้ ยูเวนตุสยุคอัลเลกรี หรือบาเยิร์น มิวนิคทุกชุดมีปรับมีเปลี่ยนทั้งนั้น ปรับระบบใหม่บ้าง เสริมนักเตะใหม่บ้าง เพิ่มรายละเอียดการเล่นบ้าง
4-3-3 ของลิเวอร์พูลในซีซั่นนี้กับซีซั่นที่แล้วก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน แนวรับของหงส์แดงดันสูงขึ้นกว่าเดิม สวิทช์บอลข้ามฟากมากกว่าเดิม วางบอลยาวไดเร็กต์บ่อยกว่าเดิม
มาเน่มีบทบาทมากกว่าเก่าด้วยซาล่าห์ถูกล็อกตายจากคู่แข่งมากขึ้น ขณะที่รายละเอียดการเล่นสถิติครอสบอลของดาวเตะอียิปต์น้อยกว่าซีซั่นแรกชัดเจน แต่มีส่วนร่วมกับเกมด้านในมากขึ้นและมีสถิติเกมรับที่เยอะขึ้นชัด
มันคือการปรับเปลี่ยน ไม่หยุดนิ่งกับที่ซึ่งคล็อปป์เลือกว่าจะใช้วิธีนี้แทนการซื้อใหญ่ แต่ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไรมันคือสิ่งที่ต้องทำ จะมั่นใจในตัวเองไม่ทำอะไรเลยก็ได้ แต่ช่องว่างกับทีมที่ไล่ตามมาย่อมถูกบีบให้แคบลงเพราะทุกทีมศึกษาเกมของหงส์แดงมากขึ้น
เบอร์ 10 แบบคูตินโญ่.. นักเตะตัวสร้างสรรค์เกมที่ถึงพร้อมทั้งฝีเท้าและประสบการณ์ โลดแล่นหลุดพ้นความกดดัน เล่นได้ใกล้เคียงกับการซ้อมที่สุด บัญชาเกมได้ ผ่านบอลคมกริบ ยิงประตูเฉียบขาด วิชั่นกว้างไกล
นั่นคือเบอร์ 10 แบบคูตินโญ่ ช่วงเวลาที่เขาอยู่กับลิเวอร์พูลเป็นช่วงที่คูตี้เบ่งบานสุดขีด ทั้งในยุคเจอร์ราร์ดและยุคหลังเจอร์ราร์ด สองปีผ่านไปนับจากเขาเปลี่ยนสีเสื้อ คล็อปป์พาลิเวอร์พูลเดินหน้าต่อด้วยเกมที่ไม่ต้องมีเบอร์ 10 แบบคูตินโญ่ แต่เป็นเบอร์ 10 แบบมาเน่
จาก 4-2-3-1 เป็น 4-3-3 เต็มตัว สามตัวแดนหน้าเป็นพระเอกแต่สามตัวแดนกลางคือห้องเครื่องที่ขาดไม่ได้เลย วันนี้เกมไหนที่ลิเวอร์พูลปรับไปเล่น 4-2-3-1 เหมือนเครื่องยนต์สะดุดติดๆ ดับๆ เสมอ พวกเขาลงตัวที่สุดแล้วกับ 4-3-3
แต่ฟุตบอลต้องพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะทีมที่เป็นแชมป์ ต้องพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก หนีทีมที่ตามมาไม่ให้ไล่ทัน ปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างในทีม ปรับเล็กบ้าง ปรับใหญ่บ้าง
แม้แต่ทีมที่สมบูรณ์แบบก็ยังต้องปรับ บาร์เซโลน่าในยุคของเป๊ปก็ยังต้องมีนักเตะอย่าง ซลาตัน เอโต้ บีย่า อองรี หมุนเวียนเข้าสู่ทีมทั้งๆ ที่ลำพัง เมสซี่-ชาบี-อิเนียสต้า ก็ไม่มีใครหยุดอยู่
เอซี มิลานยุคคาเปลโล่ แมนฯ ยูไนเต็ดยุคเฟอร์กี้ ยูเวนตุสยุคอัลเลกรี หรือบาเยิร์น มิวนิคทุกชุดมีปรับมีเปลี่ยนทั้งนั้น ปรับระบบใหม่บ้าง เสริมนักเตะใหม่บ้าง เพิ่มรายละเอียดการเล่นบ้าง
4-3-3 ของลิเวอร์พูลในซีซั่นนี้กับซีซั่นที่แล้วก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน แนวรับของหงส์แดงดันสูงขึ้นกว่าเดิม สวิทช์บอลข้ามฟากมากกว่าเดิม วางบอลยาวไดเร็กต์บ่อยกว่าเดิม
มาเน่มีบทบาทมากกว่าเก่าด้วยซาล่าห์ถูกล็อกตายจากคู่แข่งมากขึ้น ขณะที่รายละเอียดการเล่นสถิติครอสบอลของดาวเตะอียิปต์น้อยกว่าซีซั่นแรกชัดเจน แต่มีส่วนร่วมกับเกมด้านในมากขึ้นและมีสถิติเกมรับที่เยอะขึ้นชัด
มันคือการปรับเปลี่ยน ไม่หยุดนิ่งกับที่ซึ่งคล็อปป์เลือกว่าจะใช้วิธีนี้แทนการซื้อใหญ่ แต่ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไรมันคือสิ่งที่ต้องทำ จะมั่นใจในตัวเองไม่ทำอะไรเลยก็ได้ แต่ช่องว่างกับทีมที่ไล่ตามมาย่อมถูกบีบให้แคบลงเพราะทุกทีมศึกษาเกมของหงส์แดงมากขึ้น
ติดตามข่าวสารได้ที่ messengerapkapp.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น