ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์
เจมี่ คาร์ราเกอร์ ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ ไม่ได้มีแฟนคลับมากมายเหมือนตำนานคนอื่นๆ แต่เชื่อเถอะ ร้อยทั้งร้อน แฟนลิเวอร์พูล ไม่มีใครไม่รักเขา
เรื่องราวของ คาร์ร่า ไม่ได้เป็นพูดถึงมากนัก ตอนเป็นนักเตะ เขาเริ่มต้นด้วยการถูกเย้ยหยันว่าเป็นจอมเฟอะฟะ บ่อยครั้งก็โดนฝ่ายตรงข้ามล้อเลียนว่าเป็นจุดอ่อนประจำทีม
หลังเลิกเล่น คาร์ราเกอร์ ก็ไม่ได้ทำงานเป็นโค้ชเหมือนคนอื่นๆ เขามุ่งไปที่การเป็นกูรูฟุตบอล เรามักเห็นเขาออกจอคู่กับ แกรี่ เนวิลล์ อดีตศัตรูบนผืนหญ้าที่กลายเป็นคู่หูลูกหนังทาง สกาย สปอร์ตส ต่อไปนี้คือ เรื่องราวของ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่จะทำให้คุณรักเขามากขึ้นไปอีกเมื่อได้อ่านจบ
นานมาแล้วก่อนที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ จะเป็นแนวรับตัวหลักของ ลิเวอร์พูล เขาก็เคยเป็นพวกสร้างความครื้นเครงในห้องแห่งตัว "นี่แกใช้ก้นของแกแปรงผมเหรอ?" คาร์ราเกอร์ พูดโดยหันหน้าไปทาง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในวัย 16 ปี ซึ่งนั่นทำให้ทั้งคู่เริ่มสนิทสนมกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เจอร์ราร์ด ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ต้องขัดโคลนที่อยู่ตามพื้นกระเบื้องอันเย็นยะเยือกของหนึ่งในห้องแต่งตัวที่ เมลวู้ด งานนี้เหมือนกับงานคนรับใช้ที่ถูกสืบทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง โดยมีเป้าหมายคือทำให้นักเตะเยาวชนมีแรงกระตุ้น, มีระเบียบวินัย และไม่ทำให้พวกเขามีอีโก้สูงเกินไป
ตอนนั้น คาร์ราเกอร์ ที่แก่กว่า เจอร์ราร์ด 2 ปี ได้เซ็นสัญญานักเตะอาชีพฉบับแรกไปแล้ว นั่นหมายความว่า คาร์ร่า ไม่จำเป็นต้องถูพื้นและขัดรองเท้าให้บรรดาผู้เล่นรุ่นใหญ่อีกต่อไป
คาร์ราเกอร์ มีนิสัยชอบหยอกล้อคนอื่นเป็นทุนเดิม เขาเคยล้อ เจอร์ราร์ด ในทรงผมหัวขิงว่ามีสภาพร่างกายผอม, ผมหนาเตอะ และแปรงผมให้มาอยู่ด้านหน้าในสภาพที่ยุ่งเหยิง ตามประสาคนได้ค่าเหนื่อย 47.5 ปอนด์ ต่อสัปดาห์
แต่อีก 1 ปีให้หลัง เจมี่ และ สตีวี่ กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ยามออกไปเล่นเกมเยือนทั้งคู่นอนห้องเดียวกัน นั่งรถบัสก็นั่งข้างกัน พูดคุยแต่เรื่องฟุตบอล ทั้งสองคนมีอะไรหลายอย่างที่เข้ากันดี
คาร์ราเกอร์ กับ เจอร์ราร์ด ไม่ใช่แค่เป็นสตาร์ดังเท่านั้นแต่ยังเป็นผู้นำของ ลิเวอร์พูล ในทุกๆ เกมตลอดช่วง 15 ปีที่เล่นด้วยกัน "ไม่มีใครที่มีอารมณ์ร่วมมากเท่าเขาอีกแล้ว" เจอร์ราร์ด เผย "เราทุกคนมองว่ามันเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องทำเพื่อแฟนบอลและเพื่อสโมสร ลิเวอร์พูล เข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตของเราอย่างเต็มที่"
เรื่องราวของ คาร์ร่า ไม่ได้เป็นพูดถึงมากนัก ตอนเป็นนักเตะ เขาเริ่มต้นด้วยการถูกเย้ยหยันว่าเป็นจอมเฟอะฟะ บ่อยครั้งก็โดนฝ่ายตรงข้ามล้อเลียนว่าเป็นจุดอ่อนประจำทีม
หลังเลิกเล่น คาร์ราเกอร์ ก็ไม่ได้ทำงานเป็นโค้ชเหมือนคนอื่นๆ เขามุ่งไปที่การเป็นกูรูฟุตบอล เรามักเห็นเขาออกจอคู่กับ แกรี่ เนวิลล์ อดีตศัตรูบนผืนหญ้าที่กลายเป็นคู่หูลูกหนังทาง สกาย สปอร์ตส ต่อไปนี้คือ เรื่องราวของ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่จะทำให้คุณรักเขามากขึ้นไปอีกเมื่อได้อ่านจบ
นานมาแล้วก่อนที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ จะเป็นแนวรับตัวหลักของ ลิเวอร์พูล เขาก็เคยเป็นพวกสร้างความครื้นเครงในห้องแห่งตัว "นี่แกใช้ก้นของแกแปรงผมเหรอ?" คาร์ราเกอร์ พูดโดยหันหน้าไปทาง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในวัย 16 ปี ซึ่งนั่นทำให้ทั้งคู่เริ่มสนิทสนมกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เจอร์ราร์ด ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ต้องขัดโคลนที่อยู่ตามพื้นกระเบื้องอันเย็นยะเยือกของหนึ่งในห้องแต่งตัวที่ เมลวู้ด งานนี้เหมือนกับงานคนรับใช้ที่ถูกสืบทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง โดยมีเป้าหมายคือทำให้นักเตะเยาวชนมีแรงกระตุ้น, มีระเบียบวินัย และไม่ทำให้พวกเขามีอีโก้สูงเกินไป
ตอนนั้น คาร์ราเกอร์ ที่แก่กว่า เจอร์ราร์ด 2 ปี ได้เซ็นสัญญานักเตะอาชีพฉบับแรกไปแล้ว นั่นหมายความว่า คาร์ร่า ไม่จำเป็นต้องถูพื้นและขัดรองเท้าให้บรรดาผู้เล่นรุ่นใหญ่อีกต่อไป
คาร์ราเกอร์ มีนิสัยชอบหยอกล้อคนอื่นเป็นทุนเดิม เขาเคยล้อ เจอร์ราร์ด ในทรงผมหัวขิงว่ามีสภาพร่างกายผอม, ผมหนาเตอะ และแปรงผมให้มาอยู่ด้านหน้าในสภาพที่ยุ่งเหยิง ตามประสาคนได้ค่าเหนื่อย 47.5 ปอนด์ ต่อสัปดาห์
แต่อีก 1 ปีให้หลัง เจมี่ และ สตีวี่ กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ยามออกไปเล่นเกมเยือนทั้งคู่นอนห้องเดียวกัน นั่งรถบัสก็นั่งข้างกัน พูดคุยแต่เรื่องฟุตบอล ทั้งสองคนมีอะไรหลายอย่างที่เข้ากันดี
คาร์ราเกอร์ กับ เจอร์ราร์ด ไม่ใช่แค่เป็นสตาร์ดังเท่านั้นแต่ยังเป็นผู้นำของ ลิเวอร์พูล ในทุกๆ เกมตลอดช่วง 15 ปีที่เล่นด้วยกัน "ไม่มีใครที่มีอารมณ์ร่วมมากเท่าเขาอีกแล้ว" เจอร์ราร์ด เผย "เราทุกคนมองว่ามันเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องทำเพื่อแฟนบอลและเพื่อสโมสร ลิเวอร์พูล เข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตของเราอย่างเต็มที่"
ติดตามข่าวสารได้ที่ mobemarketplace.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น