คาร์ริคเกือบจะได้ใส่เสื้อเบอร์7

รู้หรือไม่ ไมเคิล คาร์ริคเกือบจะได้ใส่เสื้อเบอร์7ในตำนานของแมนยูต่อจากโรนัลโด้ที่ออกจากทีมไปแล้ว แต่เกิดอะไรขึ้นบ้างและเพราะอะไร นี่คือเรื่องราวที่ว่า

นับตั้งแต่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายไปร่วมทีมเรอัลมาดริดในปี2009 เสื้อหมายเลข7ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก็กลายเป็นเหมือน "เสื้อต้องคำสาป" ไปซะยังงั้น ไม่ว่าใครมาใส่เบอร์นี้ก็มีอันไม่รอดไปซะทุกรายไล่ตั้งแต่ อังเคล ดิมาเรีย, เมมฟิส เดปาย และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่สามารถโชว์ฟอร์มสมดังความคาดหวังต่อเสื้อหมายเลข7ได้เหมือนตำนานคนก่อนๆอย่างโรนัลโด้ จอร์จ เบสต์ หรือ คันโตน่าเลย

แต่อย่างไรก็ตามหลังจากการขายโรนัลโด้ให้กับมาดริดไปในราคา80ล้านปอนด์นั้น เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเกือบจะมอบเสื้อเบอร์เจ็ดให้กับ "ไมเคิล คาร์ริค" แล้วครั้งหนึ่งตามรายงานจากThe Express โดยเฟอร์กี้นั้นเรียกตัวทั้งคาร์ริค และนักเตะใหม่ที่เพิ่งเซ็นเข้ามาอย่าง "ไมเคิล โอเว่น" เข้าไปที่ห้องทำงานเพื่อที่จะพิจารณากันว่าใครจะได้เสื้อหมายเลขนี้ไป


รายงานว่า ป๋านั้นบอกโอเว่นว่า ถ้าอยากได้เสื้อเบอร์นี้ ป๋าจะให้เขาไปเลย แต่หากเขาไม่อยากใส่มันและรู้สึกว่ากดดันเกินไป เขาจะให้คาร์ริคใส่เบอร์7..

คาร์ริคนั้นปัจจุบันคือชายผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของตำนานสโมสรไปเรียบร้อยแล้วด้วยการได้แชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้วเฉพาะเขาคนเดียวก็ "5สมัย" และยังเป็นส่วนหนึ่งในทีมชุดแชมป์ยุโรปอีกด้วย แต่เนื่องด้วยสไตล์การเล่นของเจ้าตัวที่เยือกเย็นและนิ่ง บวกกับชีวิตนอกสนามที่สมถะเรียบง่ายนั้น ทำให้เขาค่อนข้างที่จะถูกยกย่องน้อยกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ(underrated)

ค่าตัว18ล้านปอนด์ที่จ่ายให้คู่แข่งในลีกอย่างท็อตแน่มนั้น ทำให้เขาเข้ามาเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของยูไนเต็ด ซึ่งนักเตะอังกฤษผู้นี้เข้ามาทำให้แมนยูไนเต็ดนั้นเล่นได้ง่ายและนิ่งขึ้นกว่าเดิมในทีม

ประหนึ่งเครื่องจักรคุมจังหวะให้กับทีมเรานั่นเอง (ผู้เขียนเปรียบเปรยคาร์ริคถึงmetronome เครื่องเคาะให้จังหวะในการฝึกดนตรี เคาะบีทเป็นBPMนั่นแหละ)

ดังนั้นการจะเห็นนัดเตะที่ค่อนข้างเงียบๆอย่างคาร์ริคมาใส่เสื้อเบอร์7อันโด่งดังของยูไนเต็ดนั้น อาจจะทำให้แฟนบอลหลายคนแปลกใจ บางคนอาจจะรู้สึกตงิดๆ

เพราะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเข้าเท่าไหร่  ส่วนอีกด้านนั้นในขณะเดียวกัน"อีกไมเคิล" อย่าง ไมเคิล โอเว่นนั้นได้บอกกับทาง Joe.co.uk ว่าเขารู้สึกกระตือรือร้นและอยากที่จะใส่เสื้อเบอร์7มากๆ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิบากกรรม 'เอบูเอ้'

เด็กหัวฟูกับผู้ใหญ่หน้าเครียด

เมื่อยูโร 2020 กลายเป็นยูโร 2021