บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กุมภาพันธ์, 2020

ตัดเกมทุกจังหวะ

รูปภาพ
เขาคอยตัดเกมทุกจังหวะที่ มิลาน หลุดเข้ามาได้ทั้งหมด วิ่งขึ้นวิ่งลงต่อเนื่อง ตัดจังหวะครอสบอลข้ามฟากทุกเม็ด ตัดบอลจังหวะที่ถูกโยนเข้ามาในกรอบได้เรียบวุธ และบล็อกทุกทิศทุกทางที่ "ปีศาจแดง-ดำ" เปิดเกมบุกเข้าใส่ ในช่วงดวลจุดโทษ แม้ คาร์ราเกอร์ จะไม่ได้เป็นหนึ่งในผู้รับหน้าที่ยิงจุดโทษ แต่เขามีอิทธิพลต่อช่วงเวลานั้นสูงมาก เขาจำได้ดีกับท่าในตำนานของ บรู๊ซ กร็อบเบลาร์ ตอนนัดชิงฯ ยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1984 คาร์ราเกอร์ บอกกับ เจอร์ซี่ย์ ดูเด็ค หลังจบช่วงต่อเวลาพิเศษ แล้วแนะนำให้นายด่านชาวโปแลนด์ ใช้ท่า"เจลลี่ เลกส์" ของ กร็อบเบลาร์ สุดท้าย ดูเด็ค ก็ทำแบบนั้นและเซฟลูกยิงของ อันเดร เชฟเชนโก้ ได้สำเร็จ ที่จริง ลิเวอร์พูล อาจไม่ได้เล่นเกมที่ อิสตันบูล ด้วยซ้ำ หาก คาร์ราเกอร์ ไม่โชว์ฟอร์มเก่งในรอบก่อนรองฯ ที่เจอกับ ยูเวนตุส หลายคนยกให้เกมนั้นเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดในอาชีพการเล่นของ คาร์ราเกอร์ เขาต้องเจอกับคู่หู ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ในเกมที่ตูริน หลังจากนัดแรก ลิเวอร์พูล ชนะมาก่อน 2-1 ซึ่ง คาร์ราเกอร์ ก็ทำผลงานได้ดีเยี่ยมจัดการกับทุกโอกาสทำประตูของ ย...

สัญชาตญาณของกองหน้า

รูปภาพ
ปาทริซ เอวร่า, แอชลี่ย์ โคล และ โซล แคมป์เบลล์ ต่างเป็นตัวอย่างของกองหลังที่เริ่มสร้างชื่อจากการเป็นกองหน้า  จริงอยู่ว่าหากดูเผินๆ คาร์ราเกอร์ ไม่น่าจะเคยเป็นแนวรุกตอนที่ยังเป็นผู้เล่นเยาวชน หากคุณคิดเช่นนั้น คุณคิดผิดครับ คาร์ราเกอร์ เคยเล่นเป็นกองหน้าเหมือนกัน และสัญชาตญาณของกองหน้าก็ได้รับการพิสูจน์ว่ามีความสำคัญมากในเกมพรีเมียร์ลีกที่เขาได้เป็นตัวจริงนัดแรก เกมกับ แอสตัน วิลล่า เมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี 1997 คาร์ราเกอร์ โหม่งประตูต่อหน้า เดอะ ค็อป ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะไป 3-0 ซึ่งนั่นก็เป็นประตูแรกของเขาจากทั้งหมด 5 ประตูที่ทำได้ตลอด 737 เกมที่ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล หนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของชีวิต คาร์ราเกอร์ เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ ราฟา เบนิเตซ ถูกแต่งตั้งเป็นกุนซือ ลิเวอร์พูล ตอนซัมเมอร์ปี 2004 คาร์ราเกอร์ ปรับตัวเข้ากับตำแหน่งที่ดูจะเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด  ราฟา สร้างหนึ่งในแนวรับที่ดุดันที่สุดของยุโรปขึ้นมา ด้วยการใช้งาน คาร์ร่า มาเป็นปราการหลังตัวกลาง "เขามักพร้อมที่จะปรับปรุงตัวเองเสมอ และเรียนรู้ในสิ่งที่ต่างออกไป" ราฟา กล่าวยกย่อง คาร์ราเกอร์ ซึ่งส...

โตมากับฟุตบอล

รูปภาพ
คาร์ราเกอร์ อาจโตมาโดยเป็นแฟนบอล เอฟเวอร์ตัน ก็จริง แถมยังเคยใส่เสื้อ แกรม ชาร์ป (อดีตผู้เล่นเอฟเวอร์ตัน) มาที่สนามซ้อม ลิเวอร์พูล แต่เลือดในกายเขากรีดออกมาเป็นสีแดง เราต่างรู้ดีถึงความซื่อสัตย์ของ คาร์ราเกอร์ ที่มีต่อสโมสรตลอด 17 ปีในถิ่น แอนฟิลด์ เขาเป็นคนที่กระตือรือร้นมาก เป็นกองหลังสารพัดประโยชน์ที่มีเรี่ยวแรงล้นปรี่ และมีวินัยสุดๆ ตอนลงซ้อมที่ เมลวู้ด  คาร์ร่า ตั้งมาตรฐานไว้สูง เขาต้องการให้เพื่อนร่วมทีมทุกคนทำให้ได้ในระดับเดียวกับตัวเอง คาร์ราเกอร์ จะเข้าสกัดใส่เพื่อนร่วมทีมแบบดุเดือด, วิ่งด้วยความมุ่งมั่นประหนึ่งไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซ้อมแบบจริงจังเหมือนกับว่าชีวิตเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย ตอนซ้อม ถ้าหากเขาเจอคนที่ไม่สามารถทำผลงานได้ในระดับเดียวกับเขา คาร์ร่า จะเดินเข้าไปพูดแบบซึ่งๆ หน้า โดยหลายครั้งเรื่องมันบานปลายจนทำให้เกิดการทะเลาะกันบ่อยๆ  อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ คาร์ราเกอร์ ทำก็เพราะเขาต้องการให้เพื่อนๆ เล่นด้วยความพยายามแค่เท่านั้น "เราไม่เคยทะเลาะกันทั้งในและนอกสนามเลย" หลุยส์ ซัวเรซ กล่าวถึง คาร์ราเกอร์ ในหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองเมื่อปี 2014 "แต...

ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์

รูปภาพ
เจมี่ คาร์ราเกอร์ ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ ไม่ได้มีแฟนคลับมากมายเหมือนตำนานคนอื่นๆ แต่เชื่อเถอะ ร้อยทั้งร้อน แฟนลิเวอร์พูล ไม่มีใครไม่รักเขา เรื่องราวของ คาร์ร่า ไม่ได้เป็นพูดถึงมากนัก ตอนเป็นนักเตะ เขาเริ่มต้นด้วยการถูกเย้ยหยันว่าเป็นจอมเฟอะฟะ บ่อยครั้งก็โดนฝ่ายตรงข้ามล้อเลียนว่าเป็นจุดอ่อนประจำทีม หลังเลิกเล่น คาร์ราเกอร์ ก็ไม่ได้ทำงานเป็นโค้ชเหมือนคนอื่นๆ เขามุ่งไปที่การเป็นกูรูฟุตบอล เรามักเห็นเขาออกจอคู่กับ แกรี่ เนวิลล์ อดีตศัตรูบนผืนหญ้าที่กลายเป็นคู่หูลูกหนังทาง สกาย สปอร์ตส ต่อไปนี้คือ เรื่องราวของ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่จะทำให้คุณรักเขามากขึ้นไปอีกเมื่อได้อ่านจบ นานมาแล้วก่อนที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ จะเป็นแนวรับตัวหลักของ ลิเวอร์พูล เขาก็เคยเป็นพวกสร้างความครื้นเครงในห้องแห่งตัว "นี่แกใช้ก้นของแกแปรงผมเหรอ?" คาร์ราเกอร์ พูดโดยหันหน้าไปทาง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในวัย 16 ปี ซึ่งนั่นทำให้ทั้งคู่เริ่มสนิทสนมกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจอร์ราร์ด ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ต้องขัดโคลนที่อยู่ตามพื้นกระเบื้องอันเย็นยะเยือกของหนึ่งในห้องแต่งตัวที่ เมลวู้ด งานนี้เหมือนกับงานคนรับใช้ที่ถ...

ความศรัทธาที่เดอะค็อปมีให้

รูปภาพ
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วเรื่องนี้บทสรุปง่ายมาก คือคล็อปป์ว่าอย่างไรก็เอาตามนั้น.. มันคือความศรัทธาที่เดอะค็อปมีให้กับคล็อปป์ ไม่ว่าเขาจะเคาะไปที่ใครในช่วงซัมเมอร์มันจะมีแต่เสียงสนับสนุน บอสว่าดีพวกเราก็ว่าดี ไม่เถียงไม่สงสัยไม่ตั้งแง่อะไรอีกเแล้วเพราะที่ผ่านมาก็เห็นๆ กันอยู่ คดีด่าคล็อปป์ที่ไม่ยอมซื้อใครเลยซัมเมอร์ที่แล้วยังทำเอาหลายคนน้ำท่วมปากจนถึงวันนี้ ตอนนั้นหลายคนออกตัวแรงด่าคล็อปป์ไว้เยอะ ด่าหนักด่าจริง คล็อปป์ก็ไม่ตอบโต้อะไรมากแค่อธิบายทีเดียวจบแล้วใช้ผลงานในสนามให้คำตอบแทน ผมคิดว่าคล็อปป์คงไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำด่าหรอกครับ เขาคงเข้าใจความรู้สึกของแฟนบอลดี เพียงแต่ทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนความรอบคอบและตามเงื่อนไขที่มี เขาน่าจะให้อภัยทุกคนที่ด่าเขานั่นแหละ ตลาดซัมเมอร์คราวนี้บรรยากาศจะเปลี่ยนไป เดอะค็อปอาจจะคุยกันถึงนักเตะคนนั้นคนนี้และคนนู้น อาจจะเถียงกันว่าต้อนรับหรือไม่ต้อนรับคูตินโญ่ แต่สุดท้ายทุกคนจะเงียบเมื่อได้บทสรุปจากคล็อปป์ สมมติว่าเขาเลือกคูตี้ ก็จะไม่มีใครบ่นว่าเอามาทำไมวะ มันทิ้งเราไปจำไม่ได้เหรอ นั่นเพราะเครดิตล้วนๆ การทำงานหนักของคล็อปป์ทำให้เดอะค็อปซึมซับแล...

คล็อปป์อาจจะไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่

รูปภาพ
ถามว่าลิเวอร์พูลจำเป็นต้องมีเบอร์ 10 ไหม.. สองฤดูกาลที่ผ่านมาบอกเราว่าไม่จำเป็นแล้ว ถ้าเบอร์ 10 แบบมาเน่น่ะโอเค แต่เบอร์ 10 แบบเพลย์เมกเกอร์ไม่จำเป็น ผมคิดว่าคล็อปป์อาจจะไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่ในหัวเหมือนกัน ไม่เกี่ยวกับคูตี้หรือนักเตะสไตล์เพลย์เมกเกอร์แบบเขา หากเป็นการพัฒนาทีมสำหรับฤดูกาลหน้าที่ต้องเป็นผู้ถูกไล่ล่า เขาต้องพัฒนาทีมขึ้นไปอีก ให้ดีกว่าเดิมอีก เหมือนแชมป์ทีมอื่นๆ ทั้งหลาย หรือกระทั่งดอร์ทมุนด์ของเขาเอง จากอันดับ 5 ในฤดูกาล 2009/10 คล็อปป์ยกระดับเสือเหลืองด้วยนักเตะใหม่อย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ชินจิ คางาวะ ลูคัส พิสเซ็ก และก้าวขึ้นไปเป็นยอดทีมของประเทศ กระชากมงกุฎมาสวมได้สำเร็จ ทีมชุดแชมป์ 2010/11 นั้นสุดยอดอยู่แล้ว เสือเหลืองทิ้งเลเวอร์คูเซ่น 7 คะแนน ทิ้งบาเยิร์นแชมป์เก่า 10 คะแนน แต่ในซีซั่นป้องกันแชมป์ 2011/12 คล็อปป์ก็ยังเสริมอีกด้วย อิลคาย กุนโดกัน กับ อิวาน เปริซิช ทั้งๆ ที่ทีมชุดเดิมก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังเสริมฟันเฟืองเพิ่ม บทสรุปนั้นโหดกว่าเดิม ดอร์ทมุนด์ป้องกันแชมป์ด้วยการทิ้งบาเยิร์น 8 แต้ม ทิ้งชาลเก้อันดับสาม 17 แต้ม แถมยังคว้าโทรฟี่เดเอฟเบ โ...

เบอร์ 10 แบบคูตินโญ่

รูปภาพ
เมื่อเขาย้ายไปบาร์เซโลน่า คล็อปป์ต้องมองหาวิธีการเล่นอีกรูปแบบหนึ่ง จำเป็นต้องโยนแฟ้บโฟร์ทิ้งเพราะไม่มีทางหาเบอร์ 10 แบบคูตินโญ่ได้อีกแล้วในเวลานั้น เบอร์ 10 แบบคูตินโญ่.. นักเตะตัวสร้างสรรค์เกมที่ถึงพร้อมทั้งฝีเท้าและประสบการณ์ โลดแล่นหลุดพ้นความกดดัน เล่นได้ใกล้เคียงกับการซ้อมที่สุด บัญชาเกมได้ ผ่านบอลคมกริบ ยิงประตูเฉียบขาด วิชั่นกว้างไกล นั่นคือเบอร์ 10 แบบคูตินโญ่ ช่วงเวลาที่เขาอยู่กับลิเวอร์พูลเป็นช่วงที่คูตี้เบ่งบานสุดขีด ทั้งในยุคเจอร์ราร์ดและยุคหลังเจอร์ราร์ด สองปีผ่านไปนับจากเขาเปลี่ยนสีเสื้อ คล็อปป์พาลิเวอร์พูลเดินหน้าต่อด้วยเกมที่ไม่ต้องมีเบอร์ 10 แบบคูตินโญ่ แต่เป็นเบอร์ 10 แบบมาเน่ จาก 4-2-3-1 เป็น 4-3-3 เต็มตัว สามตัวแดนหน้าเป็นพระเอกแต่สามตัวแดนกลางคือห้องเครื่องที่ขาดไม่ได้เลย วันนี้เกมไหนที่ลิเวอร์พูลปรับไปเล่น 4-2-3-1 เหมือนเครื่องยนต์สะดุดติดๆ ดับๆ เสมอ พวกเขาลงตัวที่สุดแล้วกับ 4-3-3 แต่ฟุตบอลต้องพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะทีมที่เป็นแชมป์ ต้องพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก หนีทีมที่ตามมาไม่ให้ไล่ทัน ปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างในทีม ปรับเล็กบ้าง ปรับใหญ่บ้าง แม้แต่ทีมที่สมบู...

นักฟุตบอลละตินคนหนึ่ง

รูปภาพ
มันคือความฝันที่เป็นจริงสำหรับนักฟุตบอลละตินคนหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับเรื่องศักดิ์ศรีใครใหญ่เล็กกว่ากัน และผมเชื่อว่าคูตินโญ่เองก็ไม่เคยมองว่าลิเวอร์พูลนั้นเล็กกว่าบาร์เซโลน่าในแง่ศักดิ์ศรี ด้วยต่างฝ่ายต่างก็มีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ ค่าตัวของเขาก็ยังแลกมาด้วย เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ อลีสซง เบ็คเกอร์ และการจัดการด้านต่างๆ ของลิเวอร์พูลอีกมากมาย จะบอกว่าแชมป์ยุโรปและการนำห่างในลีกเวลานี้เงินค่าตัวของเขามีส่วนร่วมด้วยไม่มากก็น้อยก็ไม่ผิด นั่นคือมุมมองของคนที่ยินดีอ้าแขนรับ​ ส่วนคนที่อารมณ์มาเต็มไม่เอาเลยก็ใช่จะพวกเขาเป็นคนใจแคบใจดำไม่ลืมอดีตหรือไม่ให้อภัยใครง่ายๆ พวกเขาก็แค่อาจจะยังโกรธที่คูตินโญ่เลือกจากไปกลางคัน ทีมกำลังเดินหน้าเข้าสู่ครึ่งซีซั่นหลังต้องสั่นคลอนและตั้งหลักกันใหม่ ทำให้คล็อปป์ต้องเหนื่อยกับการจัดการทีมใหม่แบบยกแผง ทีมต้องวุ่นวายกับการรื้อระบบหาสูตรที่ลงตัวโดยไม่มีเบอร์ 10 ในอุดมคติของคนเป็นโค้ช เหมือนรื้อบ้านแล้วสร้างใหม่เพราะเสาเข็มหายไปแล้ว ขณะเดียวกันลิเวอร์พูลในตอนนี้ก็เดินหน้ามาด้วยระบบที่ไม่มีเพลย์เมกเกอร์มาสองปีแล้ว ทีมจะต้องปรับอีกครั้งเพื่อนักเตะคนเดียวหรือ ว...

ข่าวจริงหรือไม่จริง

รูปภาพ
จะเป็นข่าวจริงหรือไม่จริงไม่รู้หรอก แต่กระแสในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาแรงมากและทำให้เกิดความสั่นสะเทือนพอสมควร สั่นสะเทือนในหมู่เดอะค็อป มีทั้งความเห็นยินดีต้อนรับ มีทั้งความเห็นว่ายังไงก็ได้ มีทั้งความเห็นว่ากลับมาทำไม ไปแล้วก็ไปเถอะ ทิ้งเราตอนลำบากก็อย่าซมซานกลับมา มีหลากความรู้สึก หลายอารมณ์ ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลก สำคัญที่สุดก็คืออย่ายัดเยียดความรู้สึกของตัวเองให้คนอื่น อย่าเหยียดหยามกัน อย่าใช้คำพูดประเภทเสียดแทงกันเมื่อเห็นใครที่คิดไม่เหมือนกับเรา ถ้าคุยและถกกันด้วยเหตุผลได้จะเป็นเรื่องดีมาก ความสำคัญของเรื่องต่างๆ ที่เป็นประเด็นนั้นคือการได้พูดคุยต่อยอดความคิด เติมเต็มหลักการบางส่วนที่เราอาจมองข้ามไป เป็นการขัดเกลาความคิดของตัวเอง ไม่ใช่การเอาชนะคะคานจริงจังอย่างจะเป็นจะตาย เรื่องบางเรื่องนั้นเซนซิถีฟ กระทบความรู้สึก แน่นอนครับเรื่องของ ฟิลิเป้ คูตินโญ่ ก็เป็นหนึ่งในนั้น ความเห็นแบบอารมณ์มาเต็มก็มี ความเห็นแบบพร้อมอ้าแขนเปิดรับก็มี ถามว่าสองความเห็นที่อยู่คนละด้านนี้ใครผิด.. ผมไม่คิดว่ามีใครผิด คนที่พร้อมอ้าแขนรับเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องศักดิ์ศรีหรือมึงทิ้งกูไปหรืออะไ...

ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก

รูปภาพ
ฤดูกาลที่แล้ว เจ้าของสมญา "บิ๊กรอม" ยิงให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีกได้แค่ 12 ประตูเท่านั้นจากการลงเล่นถึง 32 นัด ปล่อยออกไปน่ะถูกต้องแล้วครับ ในเมื่อเล่นไม่ได้ ฟอร์มตก ไม่เข้าระบบ หรือเคมีไม่ลงตัว แถมตอนขายออกไปก็ไม่ถือว่าขาดทุนสักเท่าไหร่ด้วย เพราะซื้อมา 75 ล้านปอนด์ + เวย์น รูนี่ย์ ขายออกไปในราคา 70 ล้านปอนด์ ทั้งเรื่องของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ และ โรเมลู ลูกากู จึงเป็นเรื่องที่น่าจะทำความเข้าใจได้ไม่ยาก แต่กลับมีความพยายามจากคนบางจำพวกที่จะยัดเยียดความเจ็บช้ำน้ำใจให้เด็กผีทุกหมู่เหล่า โทษฐานที่เป้าหมายอันดับหนึ่งของพวกมึงอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ กับอดีตหัวหอกของพวกมึงอย่าง โรเมลู ลูกากู ทั้งยิงประตู และถล่มตาข่ายได้อย่างเมามันดีนักแล ใครเป็นเด็กผีต้องทุรนทุรายนะครับ กรุณาอย่าอยู่เฉยๆ แบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร เหตุเพราะพวกมึงตาไม่ถึง พวกมึงพลาด พวกมึงห่วยแตก พวกมึงก็ต้องชักดิ้นชักงอออกมาให้เห็นสิหน่อยสิ พอไม่เป็นแบบนั้น พอไม่รู้สึกอะไร แถมบางคนดันแสดงความยินดีกับนักเตะ 2 คนนี้ด้วยซ้ำที่ประสบความสำเร็จในการทำลายตาข่าย เฮ๊ย...ไม่ได้สิ...แบบนี้มันปลอบใจตัวเองนี่หว่า ไม่ไ...