บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤษภาคม, 2020

ซื้อแพงหูฉี่

รูปภาพ
อาจจะถูกแซวว่าซื้อแพงหูฉี่ทั้ง อารอน วาน-บิสซาก้า และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แต่ในโลกของฟุตบอลแล้วเงินแพงกลายเป็นเงินถูก เงินถูกกลายเป็นเงินแพงได้เสมอ ซื้อมาแพง แต่ผลงานโคตรแพง ก็กลายเป็นถูก ซื้อมาถูก แต่ผลงานโคตรถูก ก็กลายเป็นแพง ไม่ต้องมองไกล เอาเสียงเยาะเย้ยที่มีต่อลิเวอร์พูลตอนที่ซื้อ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กับความฮือฮาที่มีต่อเชลซีตอนซื้อตัว อังเดร เชฟเชนโก้ มาเปรียบเทียบก็ได้ คนนึงซื้อแพงแต่รู้สึกว่าถูก อีกคนซื้อแพงเหมือนกันแต่ดันรู้สึกว่าจ่ายแพงกว่าเดิม ยกตัวอย่างแบบนี้แฟนเชลซีอย่าเพิ่งเคืองนะครับ ความจริงแล้วทุกทีมมีเรื่องเตะหลุดแบบนี้ด้วยกันหมด ยูไนเต็ดก็เคยหัวทิ่มกับ ฮวน เวรอน และ อังเคล ดิ มาเรีย ลิเวอร์พูลก็เคยหงายหลังกับ เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ และ แอนดี้ แคร์โรลล์ แมนฯ ซิตี้ก็หน้ามืดกับ แจ๊ค ร็อดเวลล์ และ โรเก้ ซานตา ครูซ อาร์เซน่อลมึนๆ กับ อังเดร อาร์ชาวิน และ ฟรานซิส เจฟเฟอร์ส สเปอร์สก็เหนื่อยใจกับ วินเซนต์ ยานเซ่น และ เฟเดริโก้ ฟาซิโอ..มีหมดไม่เว้นทีมเล็กทีมใหญ่ อันนี้เข้าใจได้ มันเรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าแมนฯ ยูไนเต็ดจ่ายแพงเกินไปกับสองดีลนี้ ถ้ามันแลกมาด้วยผล...

สัปดาห์แรกมีเรื่องราวให้พูดถึง

รูปภาพ
สัปดาห์แรกของเวทีพรีเมียร์ ลีก คงมีเรื่องราวให้พูดถึงอีกเยอะ โดยเฉพาะ 6 ทีมยักษ์ใหญ่มีเจอกันเองซะด้วย! งานนี้เราจะได้เห็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คุมทีมปะทะกับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด สมัยเป็นนักเตะเก่งด้วยกันทั้งคู่ ลิเวอร์พูล-แมนฯ ซิตี้ และ สเปอร์ส ลงเตะไปก่อนไม่ใช่เรียกน้ำย่อยอย่างเดียว เป็นการเรียกบรรยากาศให้แฟนบอลกลับคืนสังเวียนกันอีกหน มาม๊ะๆ  จากนี้ไปสนุก-ตื่นเต้น-เร้าใจไปอีก 9 เดือน เรื่องราวในตลาดนักเตะปิดไปซ่ะที หลังตีข่าวกันวุ่นวายมาเป็นเดือน แฟนบอลกะเก็งกันไปต่างๆนานา คราวนี้คงไม่ต้องมาคาดหวังตัวใหม่อีกแล้ว มีแต่จะต้องระแวงกลัวว่าทีมต่างชาติจะมาฉกนักเตะบางคนออกไป เพราะตลาดของทีมอิตาลี-สเปน-เยอรมัน ปิดวันที่ 2 กันยายน ทีมพรีเมียร์ ลีก ไม่มีสิทธิ์แม้แต่ยืมเพิ่ม! นอกซะจากไปดึงนักเตะอิสระ "ฟรีเอเย่นต์" ไม่มีต้นสังกัดยังพออนุโลมกันได้บ้าง!! แต่จะมีด้วยหรือ? แหม๋! สมาคมฟุตบอลเลือกเวลาของตลาดเองน่ะ ให้ปิดก่อนชาวบ้านเค้า ซึ่งเลือกแบบนี้ถือว่าเสียเปรียบมีโอกาสโดนเจาะไข่แดงได้ตลอด 3 สัปดาห์ แต่ก็เอาเถอะครับ ถ้าไม่อยากขายก็ตั้งราคาแพงๆเข้าไว้ ประเดี๋ยวทีมอื่นก็ไม่มีปัญญาซื้อเอง ...

ทำงานเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว

รูปภาพ
คนบางคน ไม่ได้ทำงานเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว แต่เขายังทำเพื่อให้ได้มาซึ่งความสุขด้วย โทนี่ ซินแคลร์ เป็นหนึ่งในคนจำพวกนี้  งานของเขาไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่งตัวธรรมดา ไม่โก้หรู มือถือไม้คราดสามง่ามคอยแซะหญ้า คราบดินแปดเปื้อนตามตัวก็บ่อยไป แต่ ซินแคลร์ ยังคงก้มหน้าก้มตาทำมันอย่างตั้งอกตั้งใจเหมือนเดิมมานานเกือบ 30 ปี เหตุผลง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เพราะมันคือสิ่งที่เขาทำแล้วมีความสุข หน้าที่รับผิดชอบของ ซินแคลร์ ในฐานะ "Ground manager" หรือผู้จัดการสนามประจำสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือการดูแลสนามให้อยู่ในสภาพพร้อมสมบูรณ์ที่สุดสำหรับการใช้งานอยู่เสมอ ไม่ใช่แค่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่ขอบข่ายงานของเขา ยังคลอบคลุมไปถึงสนามซ้อมต่างๆ ในเครือของสโมสรด้วยทั้งที่ แคร์ริงตัน, เดอะ คลิฟฟ์ และ ลิตเติ้ล โร้ด  รวมแล้ว มีถึง 23 สนามหญ้าธรรมชาติ และอีก 5 สนามที่เป็นหญ้าเทียม ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบโดยตรงของเขา แต่ละสนาม มีกรรมวิธีดูแล และบำรุงรักษาที่แตกต่างกันออกไป ซับซ้อนที่สุดคือ สังเวียนหลักที่เป็นหน้าเป็นตาของสโมสรอย่าง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด "โรงละครแห่งความฝัน" ถูกปูด้วยหญ้าไฮบริด ซึ...

เพื่อให้การทำงานสอดคล้องกับกฎ

รูปภาพ
ความจริงไม่ใช่เขาตัดสินใจช้าหรือไม่มั่นใจ แต่ต้องทำอย่างนั้นเพื่อให้การทำงานสอดคล้องกับกฎที่ออกมา เป็นอาชีพที่น่าเห็นใจจริงๆ นะครับสำหรับคนเป็นผู้ตัดสินนี่ ทุกอย่างต้องอาศัยเวลา เรากำลังอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดู การเล่น การยอมรับกฎใหม่และเทคโนโลยีใหม่ กฎแฮนด์บอลของผู้เล่นทีมบุกที่ออกมาใหม่ก็ชัดเจน ระบุเป็นถ้อยคำชัดเจนว่า ไม่สนเจตนาของนักเตะฝ่ายรุก ถ้าบอลโดนมือ โดนแขน โดนต้นแขน จับแฮนด์บอลทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อป้องกันข้อถกเถียงที่ต้องมาตีความหรือใช้ดุลยพินิจว่าจังหวะนี้บอลทูแฮนด์หรือแฮนด์ทูบอล ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก็ตัดปัญหาไปเลยว่าถ้าบอลถูกมือหรือแขนฝ่ายบุกเท่ากับแฮนด์บอล.. ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เข้าใจไม่ยาก แต่ขนาดชัดเจนอย่างนี้ ก็ยังมีคนไม่เข้าใจ คอเนอร์ โกอาดี้ กองหลังกัปตันทีมวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส หงุดหงิดกับประตูที่ถูกริบคืนเมื่อวันอาทิตย์เพราะ VAR มองเห็นลูกบอลที่ เลอันเดอร์ เดนด็องเกอร์ โหม่งนั้นไปโดนต้นแขนของ วิลลี่ โบลี่ กองหลังเพื่อนร่วมทีมก่อนจะกระดอนกลับมาให้กองกลางทีมชาติเบลเยียมยิงซ้ำเข้าไป ตามกฎใหม่.. มันก็ต้องเป็นแฮนด์บอลร้อยเปอร์เซนต์ เพราะกฎล้ำหน้าใหม่ไม่สน...

VAR ถูกนำมาใช้

รูปภาพ
เมื่อ VAR ถูกนำมาใช้ เราก็ได้เห็นว่าคนในวงการฟุตบอลที่ใกล้ชิดกับเกมลูกหนังที่สุดอย่างโค้ชและนักฟุตบอลนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากแฟนบอล มีทั้งคนที่รู้ และไม่รู้ มีทั้งคนที่เข้าใจ และไม่เข้าใจ มีทั้งคนที่พยายามทำความคุ้นเคยกับมัน และคนที่ปฏิเสธมัน ในเรื่องกฎใหม่ก็เช่นกัน ฤดูกาลนี้กฎใหม่หลายข้อถูกนำมาใช้ ไม่แปลกที่แฟนบอลบางส่วนจะไม่รู้หรือรู้ไม่หมดเพราะบางครั้งการสื่อสารอาจจะไปไม่ถึงหรือว่าพวกเขาไม่ได้สนใจรายละเอียดยิบย่อยมากขนาดนั้น ทว่ากับคนในวงการฟุตบอลเองแท้ๆ อย่างโค้ชหรือนักเตะ เราก็ยังเห็นหลายคนไม่เข้าใจกฎ เอาง่ายๆ กับเรื่องดร็อปบอล นับตั้งแต่เกมเตรียมความพร้อมมากมายช่วงปรีซีซั่น เราก็ได้เห็นนักเตะยืนคุยกับผู้ตัดสินและส่งภาษากายว่าให้ดร็อปบอลมาที่ผมเดี๋ยวผมเตะคืนฝ่ายตรงข้ามให้ มันไม่มีแล้วน่ะสิครับการดร็อปบอลแล้วต้องวัดใจกันว่าเอ็งจะเตะคืนให้ข้าไหมเพราะกรรมการเป่าหยุดเกมตอนที่ข้ากำลังครองบอล เนื่องจากกฎใหม่ระบุไว้ให้แล้วว่าต่อไปนี้ผู้ตัดสินจะดร็อปบอลให้ฝ่ายที่ครองบอลก่อนที่เกมจะหยุดได้เลย กรณีนี้รวมถึงจังหวะที่บอลจากเกมรุกไปถูกผู้ตัดสินและเปลี่ยนการครองบอลด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อนถือว่าผู...

ความแม่นยำและแน่นอนกว่า

รูปภาพ
ลำดับถัดมาคือการต่อบอล-ทำชิ่ง เชลซี มีความแม่นยำและแน่นอนกว่า มิหนำยังมากด้วยทีมเวิร์คกว่าซะด้วย พวกเขาให้บอลแล้วก็เคลื่อนที่พลางสอดประสานกันอย่างลื่นไหล นี่คือเหตุผลที่บอกว่าทำไม เชลซี ถึงคุมเกมในแดนกลางพลางเดินเกมบุกและหาจังหวะจบได้มากกว่า ปัญหาคือเกมรับ เฉพาะอย่างยิ่งคู่เซ็นเตอร์ฯ ที่ค่อนข้างยอบแยบและยวบยาบ คูร์ต ซูม่า ทั้งทะเล่อทะล่า โฉ่งฉ่าง และซุ่มซ่ามจนกลายเป็นจุดอ่อนพร้อมเสียประตูโดยไม่จำเป็นต้องถูกคู่แข่งกดดันด้วยซ้ำ เกมรุกก็เช่นกัน การสูญเสีย เอแด็น อาซาร์ ทำให้แผงหลังของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งเล่นง่าย และเจองานสบายขึ้นเยอะ หัวหอกตัวเป้าก็ไม่อันตรายเพียงพอที่จะทำให้คู่เซ็นเตอร์ฯ ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เกิดอาการระทมกบาล เพราะเป็นแค่เด็กใหม่อย่าง แทมมี่ อับราฮัม ผิดกับเมื่อก่อนที่ต้องปะทะกับศูนย์หน้าระดับพระกาฬอย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา หรือ ดิเอโก้ คอสต้า เมื่อตกเป็นรอง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็พยายามตอบโต้ด้วยจังหวะฉาบฉวย โดยที่ยังหาทางพลิกสถานการณ์ให้รูปเกมของตัวเองกระเตื้องขึ้นไม่ได้ ส่งผลให้บรรดาเด็กผีที่ชมถ่ายทอดสดทำหน้าเหมือนอมชักโครกด้วยความอึดอัดและกระสับกระส่ายเหมือนถูกกางเกงในเข้าตู...

ศึกพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาล

รูปภาพ
ก่อนการศึกพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาลที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด หากใครบอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะเอาความยับเยินไปยัดเยียดให้ เชลซี คงถูกหาว่าไม่บ้าก็เมาเพี้ยน  เพราะสิงห์บลูส์คือคู่แข่งที่ปีศาจแดงแพ้ทางพลางสะทกสะท้านอย่างจงหนักเลยทีเดียว สถิติในพรีเมียร์ลีกบ่งว่าคู่นี้เวลาเจอกันมักจะเป็น เชลซี ที่ทำได้ดีกว่า แต่จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด กลับเอาถังแก๊สยัดเข้าไปในรูตูดของผู้มาเยือนแล้วกระหน่ำยิงด้วย แม็กนั่ม จุด 44 สกอร์ 4-0 ถือเป็นชัยชนะที่ท่วมท้นเกินความคาดหมาย แถมเป็นชัยชนะเหนือ เชลซี ที่มากที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีกอีกต่างหาก ครั้งสุดท้ายที่ แมนฯ ยูไนเต็ด บดขยี้ เชลซี ด้วยระยะห่างขนาดนี้ เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ เมื่อ 1994 ที่ปีศาจแดงถล่มไป 4-0 คว้าดับเบิ้ลแชมป์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่ถ้านับเฉพาะในลีกสูงสุดต้องย้อนกลับไปไกลถึงปี 1965 โน่นทีเดียว ขอโทษ...กู เอ๊ย! ผมยังอยู่ในชาติที่แล้วอยู่เลย มันจึงเป็นการเปิดฉากอย่างเร้าใจที่อุดมด้วยความสะเด่าดีนักแล ลิเวอร์พูล ถล่ม นอริช 4-1 แมนฯ ซิตี้ ถล่ม เวสต์แฮม 5-0 แต่ทีมที่ถูก แมนฯ ยูไนเต็ด ถล่มคือทีมที่มีชาติตระกูลสูงกว่าอย่า...

คอมมูนิตี้ชิลด์

รูปภาพ
จะมีอยู่วันหรือช่วงหนึ่งของวันในแต่ละสัปดาห์ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ กับทีมสตาฟฟ์ จะมาสุมหัวกันศึกษาเทปจากเกมที่ผ่านมาตลอดจนวิเคราะห์คู่แข่งเกมถัดไป นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ โจ โกเมซ ลงประจำการแบ็กขวาทำให้เจ้าหนู เทรนท์ อเล็กซ์-อาร์โนลด์ ต้องหล่นไปเป็นตัวสำรอง คือนอกเหนือจากมันก็ควรต้องโรเตชั่นบ้างแล้วด้วย คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟหันกลับมาใช้ โจเอล มาทิป และ เวอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่เล่นร่วมกันมาเป็นส่วนใหญ่ซีซั่นที่แล้ว ก็สองเกมที่ผ่านมา ตั้งแต่คอมมูนิตี้ชิลด์ที่แพ้ลูกโทษให้ แมนฯ ซิตี้ จนถึงเกมเปิดสนามกับ นอริช มันมีบางร่องรอยทำให้โค้ชสัญชาติดอยทช์รู้สึกค่อนข้างกังวล มันเป็นพื้นที่ซึ่งเขาควรไว้วางใจได้ต่างหากด้วย จุดนี้ถือเป็นรากฐานสำคัญสู่การจบรองแชมป์กวาด 97 แต้มจนถึงครองแชมป์ยุโรปสำเร็จ คล็อปป์ อ่านออกว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด ต้องส่ง คริสเตียน พูลิซิช หรืออย่างน้อยก็เป็นตัวที่มีความเร็วในการมาโจมตีพื้นที่กราบขวาของสนาม ไม่ได้บอกว่า "เทรนท์" ไม่ดี แต่เกมรับไม่ใช่จุดเด่นของเขา จากสองเกมก่อนหน้านั้น ก็มีตัวอย่างที่ทั้งเรือใบกับนกขมิ้นบุกมาตรงเกมรับด้านขวาของ ลิเวอร์พูล หลุดจาก "เทรนท...

จุดประสงค์ต้องการหนี

รูปภาพ
ต่อประเด็นที่ เนย์มาร์ แหกค่ายหนี บาร์ซ่า มีการเมาท์กันว่าเขามีจุดประสงค์ต้องการหนีไปให้พ้นจากร่มเงาของ ลิโอเนล เมสซี่ เป็นสำคัญ รวมทั้งเจ้าตัวต้องการคว้ารางวัล บัลลงดอร์ ให้จงได้ ทั้งนี้เพราะ ยังไงซะต่อให้ เนย์มาร์ ฉายฟอร์มได้อย่างเจิดจรัสแค่ไหน ดาวเตะอาร์เจนไตน์ก็จะยังคงเป็นพระเอกเบอร์หนึ่งตลอดกาลของสโมสรที่ถูกพูดถึงมากกว่าวันยังค่ำ ด้วยเหตุนี้ พ่อค้าแข้งที่มีอีโก้จัด และมีความทะเยอทะยานสูงส่งอย่าง เนย์มาร์ จึงต้องการย้ายไปสร้างชื่อให้ตัวเองเป็นหนึ่งในตองอูกับสโมสรอื่น แล้วคิดดู เขาจะเป็นนักเตะประวัติศาสตร์แน่ หากพา เปแอสเช ซิวถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จ อย่างไรก็ดี หลังจากผ่านไปเพียงสองปี เนย์มาร์ ก็สวมบทวายร้ายอีกจนได้ แม้จะยังมีสัญญาผูกมัดกับต้นสังกัด พูดได้เลยว่า เนย์มาร์ ตระหนักอย่างถ่องแท้แล้วว่าเขาคิดผิดที่ตัดสินใจย้ายมาหากินในเมืองน้ำหอม เพราะหากจะว่ากันถึงลีกท๊อปไฟฟ์ของยุโรป ลีกเอิงน่าจะติดอันดับโหล่ด้วยซ้ำในแง่ของความท้าทาย ถ้าลา ลีกาคือลีกเบอร์หนึ่งในอุดมคติของพ่อค้าแข้งทั้งหลาย พรีเมียร์ลีกก็น่าจะเป็นอันดับสอง แล้วตามด้วย เซเรียอา , บุนเดสลีกา ขณะที่ลีกเอิงมีแค่ เปแอ...

มันเหลือเชื่อสิ้นดี

รูปภาพ
คล้อยหลังกลับไปเมื่อสองปีก่อน คงยังไม่มีใครลืมว่า เนย์มาร์ ทำอะไรเอาไว้กับ บาร์เซโลน่า ทว่ามาวันนี้ มันเหลือเชื่อสิ้นดีที่เขากำลังจะมีโอกาสคัมแบ็คสู่ถิ่น คัมป์นู  สมใจและที่น่าช็อกสุดขีดก็คือ บอร์ดบริหาร , นักเตะ ตลอดจนแฟนบอลส่วนใหญ่แสดงท่าพร้อมอ้าแขนต้อนรับการกลับมาของ สตาร์จอมฉาว รายนี้ซะด้วยแน่นอนว่า เรอัล มาดริด อาจถูกลือว่าพร้อมกระชากดาวยิงทีมชาติบราซิลมาร่วมทัพเช่นกัน แต่ไม่ต้องสืบก็เป็นที่รู้กันดีว่าเขากระหายเซ็นสัญญากับทีมลูกหนังแห่งกาตาลันเท่านั้นและจากที่สถานการณ์เป็นไป ตัวแทนของ บาร์ซ่า ก็เริ่มเปิดฉากเจรจากับบิ๊กของทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แล้ว แต่ก่อนที่ดีลนี้จะได้ข้อสรุป ทุกคนคงจำกันได้ว่า เนย์มาร์ ก่อกรรมทำเข็ญ สร้างวีรกรรมอะไรเอาไว้ให้กับ บาร์ซ่า บ้าง เพื่อพยายามย้ายออกไปค้าแข้งกับเศรษฐีเมืองน้ำหอมให้ได้ ทว่ามาวันนี้ คนไทยที่ว่า "ลืมง่าย" ยังพ่ายกองเชียร์ บาร์ซ่า ก็แล้วกัน หลังประสบความสำเร็จในลา ลีกา เนย์มาร์ ก็ทำทุกวิถีทาง โดยเฉพาะทางที่เลวร้ายเพื่อเก็บข้าวของย้ายออกจาก คัมป์นู สู่มหานครแห่งแฟชั่นและด้วยความที่เป็นทีมเงินถุงเงินถัง มีแบ็คอัพแข็งโป๊ก เปแอส...

บุคคลที่ได้รับการยกย่อง

รูปภาพ
บุคคลที่ได้รับการยกย่องจากปากของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ว่าคือ "ตำนาน" ความโชคร้ายที่เขาต้องหยุดทำหน้าที่นี้จากปัญหาสุขภาพ ความผูกพันกับสโมสรที่อยู่ด้วยกันมาเกือบครึ่งค่อนชีวิต และนี่คืออีกหนึ่งเรื่องราวอันแสนอบอุ่นของเจ้าหน้าที่สโมสรลิเวอร์พูล ที่สร้างรอยยิ้มได้แน่นอน เมื่อคุณได้อ่านมัน เคนนี่ กริมส์ กลับมายังบ้านอันแสนรักของตัวเอง เสียงสั่นเครืออันเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกตื้นตันใจ เขาเดินอย่างช้าๆ ด้วยไม้เท้าที่ช่วยพยุงขาทั้งสองข้าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการที่เขาได้เข้ามาอยู่ใน แอนฟิลด์ "สโมสรแห่งนี้มีความหมายสำหรับผมทุกอย่าง ผมคิดถึงที่นี่เหลือเกิน" "ผมไม่ได้ต้องการจะให้เป็นเรื่องใหญ่ มันแค่เป็นเกียรติที่ได้รับเชิญมา สโมสร ลิเวอร์พูล อยู่ในสายเลือดของผม" เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ของสโมสรต้อนรับแขกพิเศษคนนี้เป็นอย่างดีถึงขนาดปูพรมแดงให้ เคนนี่ กับ ลูกชาย "แม็ตตี้"  ที่ได้รับเชิญให้มานั่งชมเกม เอฟเอ คัพ นัด ลิเวอร์พูล เจอกับ เอฟเวอร์ตัน ในพื้นที่เดียวกับที่นั่งของครอบครัวนักฟุตบอล คำเชิญนี้มาจาก ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร มันคื...

คำพูดและบทสัมภาษณ์

รูปภาพ
คำพูดและบทสัมภาษณ์หลายครั้งของคล็อปป์นั้นขนาดเราคนไกลได้อ่านได้ฟัง แล้วยังรู้สึกว่ามีพลัง บ่อยครั้งไปนะครับที่เราได้อ่านบทสัมภาษณ์ของเขาแล้วอด ทึ่งไม่ได้ว่า เขาคิดมันออกมาได้อย่างไรนะ ฟังแล้วฮึกเหิมจังเลย มีพลังจังเลย ตอบแบบนี้เพอร์เฟกต์ที่สุดเลย ก็ขนาดเราฟังอยู่วงนอกเรายังสัมผัสได้ถึงพลังนั้น ไม่ต้องอะไรมากครับ - คนขายฮ็อตด็อกก็ยังต้องพร้อมเต็มที่ (ในเกมรับมือ แมนฯ ซิตี้) - คำพูดแบบนี้เขาคิดได้ยังไง เขาจะรู้บ้างไหมว่ามันมีคุณค่ามหาศาลขนาดไหน ช่วยทีมได้มากแค่ไหน แล้วไหนจะยังมีคำพูดประวัติศาสตร์ในค่ำคืนประวัติศาสตร์กับบาร์เซโลน่าอีกเล่า "ภารกิจนี้ไม่มีทางเป็นไปได้เลย แต่เพราะมันเป็นพวกนาย.." ก็นั่นล่ะครับ ขนาดเราฟังอยู่วงนอกยังอดฮึกเหิมตามไปด้วยไม่ได้ อยากจะถลกแขนเสื้อลุยไปด้วยกันในตอนนั้นเลย เพราะพลังด้านบวกของคล็อปป์แผ่มาถึงตัว รุนแรงและสัมผัสมันได้ชัดเจน แล้วลูกทีมที่ได้สัมผัสกับเขาอย่างใกล้ชิดเล่าครับ ลูกทีมที่ได้ซ้อมกับเขาทุกวัน ลูกทีมที่เขาโทรหา ที่เรียกไปคุยตัวต่อตัว ที่รับประทานอาหารร่วมกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ของสโมสรร่วมกัน ลูกทีมที่นั่งล้อมวงฟังเขาพูดในห้อ...

ลูกทีมลิเวอร์พูลลงใต้

รูปภาพ
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคมปี 2015 เจอร์เก้น คล็อปป์ พาลูกทีมลิเวอร์พูลลงใต้ไปเตะกับสเปอร์สที่ไวท์ ฮาร์ท เลน เกมนั้นสำคัญตรงไหน.. ก็ไม่มากหรอกครับหากว่ามันไม่ใช่เกมแรกของคล็อปป์ในฐานะผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล จุดเริ่มต้นของคล็อปป์กับลิเวอร์พูลอยู่ที่ลอนดอนอยู่ที่เกมเยือนท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ นักเตะ 18 คนในทีมชีตของเขาเกมนั้นมีเพียง 4 คนที่ยังอยู่ในทีมจนถึงวันนี้ เจมส์ มิลเนอร์ อดัม ลัลลาน่า ดิว็อค โอริกี้ และ เนธาเนียล ไคลน์ ทั้งสี่คนเป็นตัวจริงในเกมวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม 2015 เกมนั้นทั้งหมด คนอื่นๆ ที่เหลือในทีมตัวจริงวันนั้นมีใครบ้าง.. ซิมง มินโญเล่ต์ มาร์ติน สเคอร์เทล มามาดู ซาโก้ อัลเบร์โต้ โมเรโน่ ลูกัส เลวา เอ็มเร่ ชาน และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ตัวสำรองในเกมนั้นมีใครบ้าง..อดัม บ็อกดาน โคโล ตูเร่ โจ อัลเลน จอร์ดอน ไอบ์ ชูเอา คาร์ลอส เจอโรม ซินแคลร์ และ คอนเนอร์ แรนดอลล์ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เดยัน ลอฟเรน โจ โกเมซ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ คืออีก 4 คนที่เป็นนักเตะของทีมเวลานั้นแต่เกมดังกล่าวมีปัญหาบาดเจ็บทั้งหมด สี่ปีกับอีกสามเดือนผ่านไป เรามองเห็นความแตกต่างมากมายเกิดขึ้นในแอนฟิลด์มาก...

เป็นศึกแดงเดือดที่อยู่เหนือเหตุผล

รูปภาพ
คราวนี้ รุด ฟาน นิสเตลรอย สังหารจุดโทษไม่พลาด ก่อนดาวเตะเจ้าของสมญา "สุกรโลกันตร์" จะย้ำหัวตะปูตอกฝาโลกส่ง อาร์เซน่อล ลงหลุม ไม่อยากบอกเลยว่าตัวผมก็คือหนึ่งสักขีพยานที่อยู่ในการศึกครั้งนั้นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วย เสียงคำรามพร้อมทำนองที่ว่า "Bollock to it fifty games" ดังกระหึ่ม ประโยคนี้แปลงความหมายเป็นไทยได้ประมาณว่า "ไอ้พวกลูกกระโปกอดทำสถิติไร้พ่าย 50 นัด" เรด อาร์มี่ ร้องรำทำเพลงนี้กันอย่างสนุกสนานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนเกิดตำนาน "พิซซ่าบินอันตราย" เมื่อดาวเตะวัยคะนองของทีมปืนโตอย่าง เชส ฟาเบรกาส เอาพิซซ่ามาปาใส่หลัง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในจังหวะที่ผู้เล่น 2 ทีมกำลังชุลมุนวุ่นวายกันอยู่ในอุโมงค์ทางเดินหน้าห้องแต่งตัว 49 นัดที่ อาร์เซน่อล ไร้พ่ายมี แมนฯ ยูไนเต็ด เข้าไปมีเอี่ยวทั้งเป็นหนึ่งในสะพานที่ทอดให้ลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ สับตีนข้ามไปทำสถิติสุดวิเศษ แถมยังเป็นผู้หยุดสถิติไร้พ่ายของ "เดอะ กันเนอร์ส" ได้สำเร็จซะด้วย ตัดภาพกลับมา ณ ปัจจุบัน สถิติไร้พ่ายตลอดฤดูกาล และสถิติไร้พ่าย 49 นัดที่อยู่ยงคงกระพันมานานถึง 16 ปีของ อา...

เจ้าของสถิติไร้พ่าย

รูปภาพ
อาร์เซน่อล เป็นเจ้าของสถิติไร้พ่ายอย่างยืนยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก ตัวเลขที่ทำเอาไว้คือ 49 นัด จุดเริ่มต้นอยู่ในช่วงท้ายฤดูกาล 2002-03 หลังพลาดท่าพ่ายแพ้ ลีดส์ ยูไนเต็ด แบบคาบ้าน ด้วยสกอร์ 3-2 เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2003 ในเกมที่ 36 ของฤดูกาล ซึ่งถือเป็นการส่งมอบแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ พลพรรคปืนโตลงเล่นอีก 2 เกมที่เหลือ โดยเอาชนะได้ทั้ง เซาธ์แฮมป์ตัน (6-1) และซันเดอร์แลนด์ (4-0) ถัดมาในอีกฤดูกาล (2003-04) ลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ก็สร้างความไร้เทียมทานที่พากย์ภาษาอังกฤษว่า "Invincible" คือไม่แพ้ใครตลอดทั้งฤดูกาลเป็นจำนวน 38 นัด รวมกับของเดิมเป็น 40 นัด ฤดูกาล 2004-05 อาร์เซน่อล ในฐานะแชมป์แบบไร้พ่ายออกตัวอย่างร้อนแรงและกะซวกไส้ดีนักแล ด้วยการพุ่งเข้าชนและพุ่งเข้าใส่ชัยชนะอีก 5 นัดติดค่อกัน ก่อนจะสะดุดเสมอ โบลตัน 2-2 ยอดรวมตอนนั้นคือ 46 นัด หลังจากนั้นก็เก็บชัยชนะได้อีก 3 นัด ทำสถิติไร้พ่าย รวมกันเป็น 49 นัด ก่อนจะยกโยธาพลากรไปเยือนถิ่นของคู่แค้นระดับฆ่าล้างโคตรอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด มันคลาสสิกตรงนี้ครับ คือย้อนกลับไป...

เป็นการซื้อตัวมาแบบไม่ได้หวังผลทันที

รูปภาพ
สังเกตเห็นอะไรไหมครับ ถ้าไม่เห็น ผมจะบอกให้ว่าส่วนใหญ่เป็นการซื้อตัวมา แบบไม่ได้หวังผลทันที ประมาณว่าในเมื่อตลาดเปิดหรือในเมื่อมีโอกาสก็เซ็น สัญญากันไว้ก่อน ไม่ได้หวังว่าจะเอามาเพื่อแก้ปัญหาโดยฉับพลัน ยกตัวอย่างกองหน้าสัญชาติมังกรอย่าง ตง ฟาง โจว ที่ใครๆ ก็มองออกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เอานักเตะหน้าตี๋ผู้นี้มาเพื่อเปิดตลาดในเมืองจีนซะมากกว่า หรือนักเตะโนเนมอย่าง มานูโช่ กับ โซรัน โทซิซ ที่ซื้อมาแล้วก็แทบไม่ได้ใช่งานอย่างจริงจังสักเท่าไหร่ นอกนั้นก็จัดอยู่ในประเภทผู้รักษาประตูมือ 2 หรือมือ 3 อย่าง ริคาร์โด้, อันเดอร์ส ลินเดการ์ด และบิคตอร์ บัลเดส ที่เอามาสำรองไว้แบบเผื่อเหลือเผื่อขาด แม้กระทั่งกองหลังในตำนานอย่าง เนมานย่า วิดิช กับ ปาทริซ เอวร่า ที่กระชากตัวมาร่วมทีมด้วยหวังผลในระยะยาวมากกว่า แถมตอนแรกที่ย้ายมาทั้งคู่ก็ยังปรับตัวให้เข้ากับทีมไม่ได้ ขณะที่ วิลฟรีด ซาฮา ก็ถือเป็นการซื้อมาเตรียมไว้ในอนาคต ส่วนไอ้ที่ดึงตัวมาเพื่อแก้ไขปัญหาและแก้ไขสถานการณ์แบบทันท่วงทีนั้นมีอยู่เพียงแค่ 3 หน่อเท่านั้นหลุยส์ ซาฮา ฆวน มาต้า อเล็กซิส ซานเชซ ทั้ง 3 ตัวนี้เป็นการซื้อที่พากย์ภาษาอังกฤษว่า ...

ตำแหน่งศูนย์หน้า

รูปภาพ
ครั้นจะให้รับผิดชอบในตำแหน่งศูนย์หน้าก็ดูเหมือนว่าผู้เป็นกุนซือจะยังไม่ค่อย ไว้อกไว้ใจมากนัก พูดง่ายๆ ว่าทั้ง 3 สามารถสวมบทของกองหน้าตัวเป้าได้ นั่นแหละ เพียงแต่ยังไม่สะเด่าพอเท่านั้นเอง การปล่อย โรเมลู ลูกากู ออกจากทีมตอนก่อนเปิดฤดูกาลยิ่งทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องหาผู้เล่นในตำแหน่งนี้มาทดแทน เพื่อให้ตัวเองมีทางเลือกในการจัดทีมมากขึ้น อนิจจา...ดาวเตะผู้เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของพวกเขามาตลอดอย่าง เออร์ลิ่ง เบราต์ ฮาแลนด์ ตัดสินใจย้ายไปสวมเครื่องแบบเสือเหลืองกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พลางยักไหล่ใส่ปีศาจแดงแบบไม่แยแสซะอย่างนั้น สรุปว่ามิดฟิลด์ตัวกลาง, หน้าต่ำ และกองหน้าตัวเป้า คือ 3 ตำแหน่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังต้องการอย่างยิ่งยวดในเดือนนี้เลย ไม่ใช่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนแล้วรอให้ถึงช่วงซัมเมอร์ อย่างไรก็ตาม จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรที่ชัดเจนออกมาจากทางสโมสรสีแดงแห่งแมนเชสเตอร์เข้าใจครับว่ามันเป็นเรื่องยาก เพราะเวลาในการพิจารณาและเจรจามีค่อนข้างจำกัด แถมการ "ตระหนกซื้อ" แบบนี้ย่อมมีอัตราความเสี่ยงต่อความบรรลัยแบบสูงลิบลิ่วอีกต่างหาก หากรีบร้อน...

ตลาดการซื้อขายตัวผู้เล่นรอบ 2

รูปภาพ
เดือนแรกของปีใหม่ผ่านไป 10 วันแล้วนะครับและนั่นหมายความต่อมาว่าตลาดการซื้อขายตัวผู้เล่นรอบ 2 ของฤดูกาล หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า "ตลาดหน้าหนาว" ผ่านไปแล้ว 10 วัน ถึงตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ผู้เล่นใหม่มาร่วมทัพเป็นจำนวน 0 คน โดยเหลือเวลาอีกไม่ถึง 3 สัปดาห์ให้ไล่ล่า ถามว่าพวกเขาต้องการผู้เล่นใหม่มาเสริมสร้างความแข็งแกร่งพลางซ่อมแซมส่วนที่สึกหลอหรือเปล่า อยากตอบแบบนี้ครับว่า...พวกมึงจะรอแมวน้ำอะไรอยู่อีกล่ะครับ เพราะดูจากสภาพของทีมและสถานการณ์ของทีมตอนนี้ หากไม่มีความทะเยอทะยาน ไม่อยากกลับไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และไม่อยากประสบความสำเร็จ หรือขอแค่ประคองตัวให้อยู่แถวๆ กลางตารางไปจนจบฤดูกาลแบบไม่เดือดร้อนก็สามารถปล่อยให้เวลาผ่านไปจนครบเดือน โดยที่มึงไม่ต้องซื้อเพิ่มก็ได้ครับ แต่หากอยากให้ผลงานของทีมตัวเองไฉไลขึ้นกว่าเดิม มันก็ต้องยอมวอดวายครับ แถมไม่ใช่วอดวายแค่ตัวเดียวด้วย คำนวณดูแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการผู้เล่นใหม่มาเสริมทัพอีกอย่างต่ำๆ ถึง 3 คนด้วยซ้ำ ตอนแรกไม่ขออะไรมาก ระยะสั้นๆ แบบนี้เอามาเพิ่มแค่ 2 หน่วยก็น่าจะพอเพียง แต่ไม่ใช่ในตอนนี้ที่ดาวเตะระดับเสาหลักอย่า...

สงครามยังไม่จบ

รูปภาพ
กล่าวคือ สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพผีแดง นั่นเอง ด้าน โซลชา ก็ระบุในทำนองเดียวกันว่า ผีแดง ยังไม่ตาย และยังมีเกมอีกนัดให้ได้พลิกสถานการณ์ "เราเคยแสดงให้เห็นมาก่อนว่าเราตกเป็นรองในเกมเหย้า และพลิกสถานการณ์ได้ อย่างปีก่อนก็มีเกมกับ เปแอสเช เป็นตัวอย่าง" กุนซือชาวนอรเวย์เอื้อนเอ่ยถึงเกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีมอีกจนได้ ได้ยินแล้ว ออกจะรู้สึกว่ามันเป็นเทปม้วนเดิม เป็นแผ่นเสียงตกร่องยังไงไม่ทราบและเหมือนจะเป็น "วลีอมตะ" ประจำตัวไปแล้วที่กุนซือหน้าทารกมักต้องหยิบยกมาพูดถึงเสมอในยามที่ทีมประสบกับเกมที่เลวร้าย โอเค แมนฯ ยูไนเต็ด อาจบุกไปสยบ แมนฯ ซิตี้ ได้ แต่อย่างที่จั่วหัวเอาไว้นั่นแหละว่า โซลชา คงลืมไปว่าโละ ลูกากู ทิ้งไปแล้ว  luminokaya.com  จะผิดหรือจะถูกก็เป็นอีกเรื่อง แต่ที่แน่ๆ มันชัดเจนว่า ลูกากู ย้ายไปสร้างประโยชน์ให้ งูใหญ่ ได้อย่างเห็นได้ชัด แถมเกมล่าสุดก็เหมายิงสองเม็ดพา อินเตอร์ บุกพิชิต นาโปลี 3-1 นำหน้าเป็นจ่าฝูงของลีกเซเรียอาได้ต่อ มองดูแล้ว จึงถือเป็นบุญของ ลูกากู เหมือนกันที่ อันโตนิโอ คอนเต้ เชื่อมั่นในฝีเท้าของเขา ต่างไปจากวิสัยทัศน์ของ โซลชา ...

มันเป็นฉายาของ โรเมลู ลูกากู

รูปภาพ
"ตู้เย็น" ในที่นี้ แฟนบอลทีม แมนฯ ยูไนเต็ด รู้กันดีว่ามันเป็นฉายาของ โรเมลู ลูกากู อดีตกองหน้า ผีแดง ที่ถูกขายให้ย้ายไปได้ดิบได้ดีกับ อินเตอร์ มิลาน นั่นแหละ และที่ต้องขออนุญาตพาดพิงถึงศูนย์หน้าทีมชาติเบลเยี่ยมก็เป็นเพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด ถูก แมนฯ ซิตี้ บุกมาขยี้เละ 3-1 ในเกมคารา บาวคัพรอบตัดเชือกนัดแรกนั่นเอง ว่ากันตามจริง มันเป็นเหมือนที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เปิดปากให้สัมภาษณ์ไม่มีผิดว่าเกมใน 45 นาทีแรกที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด นัดต่อ กรกับ เรือใบสีฟ้า เป็นเกมที่ย่ำแย่ที่สุดของทีมอสูรนับตั้งแต่เขาเข้ามากุมบังเหียน ที่เป็นอย่างนั้นก็เนื่องมาจาก แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะโดนทะลวงประตูในครึ่งแรกมากกว่าสามดอกด้วยซ้ำ แต่เผอิญว่า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ดันขาดวิญญาณเพชฌฆาตทั้งๆที่มีโอกาสงามในหลายๆจังหวะ ประกอบกับ ดาบิด เด เคอา ก็ช่วยเซฟ ผีแดง เอาไว้หลายหนเช่นกัน จวบจน มาร์คัส แรชฟอร์ด มาซัดลูกตีไข่แตกได้จากเกมโต้กลับอันเป็นทีเด็ดเพียงประการเดียวของแชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัยใน ยุคนี้  แฟนบอลเจ้าถิ่นก็เริ่มปรากฏประกายความหวังขึ้นในแววตา แต่เปล่าเลย สุดท้ายแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่อาจสร้างความระคายเคือ...

ระบบทีมเยาวชน

รูปภาพ
จอร์ดอนเกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2538 ที่ย่าน Bermondsay ลอนดอนใต้ จอร์ดอนเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีมเยาวชนของ วีคอมบ์ วันเดอร์เรอร์ส เมื่อปี 2550  ขณะอายุได้ 12 ปี ภายหลังจากถูกปล่อยออกจากทีมเยาวชนของ ชาร์ลตัน แอธเลติกจอร์ดอนภายหลังจากเข้าร่วมระบบทีมเยาวชนของวีคอมบ์เขาก็ได้ประเดิมสนามในนาม ทีมชุดใหญ่ให้กับวีคอมบ์ในศึก ลีกคัพ นัดที่ทีมวีคอมบ์ชนะ โคลเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฐานะตัวสำรองช่วงต่อเวลาพิเศษเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2554 ขณะอายุได้เพียง 15 ปี 244 วัน วันที่ 15 ตุลาคม 2554 ในลีกนัดที่ทีมชนะทีม ฮาร์ทลีพูล ยูไนเต็ด จอร์ดอนได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 90 ถือได้ว่าจอร์ดอนเป็นนักเตะของวีคอมบ์ที่ อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในศึก ฟุตบอลลีก จอร์ดอนได้ลงเล่นในนัดที่ทีมแพ้ เชฟฟีลด์เวนส์เดย์ 2-1 โดยประตูเดียวในนัดนั้นเป็นผลงานการทำประตูของจอร์ดอนซึ่งถือได้ว่าจอร์ดอนเป็นนักเตะของวีคอมบ์ที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในศึก ฟุตบอลลีก โดยจอร์ดอนลงเล่นทั้งสิ้น 11 นัดยิงได้ 1 ประตู วันที่ 12 ธันวาคม 2554 มีรายงานข่าวว่าจอร์ดอนเตรียมจะเซ็นสัญญาเป็นนักเตะของ ลิเวอร์พูล ต่อมาในวันที่ 20 ธันวาคม จอร์ดอนก็...

ผู้เล่นสวมเสื้อเบอร์ 7

รูปภาพ
อดีตนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวอังกฤษ เขาเริ่มค้าแข้งกับสคันธอร์ปยูไนเต็ดใน ค.ศ. 1968 ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีมลิเวอร์พูลใน ค.ศ. 1971  โดยสวมเสื้อเบอร์ 7 ในขณะที่ค้าแข้งอยู่กับลิเวอร์พูลนั้น คีแกนสามารถคว้าแชมป์รายการสำคัญต่างๆมากมายได้แก่ ดิวิชันหนึ่ง 3 สมัย, ยูฟ่าคัพ 2 สมัย, เอฟเอคัพ 2 สมัย และยูโรเปียนคัพอีก 1 สมัย เขาติดทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรก ต่อมาใน ค.ศ. 1977 เขาตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมฮัมบูร์ก ในการค้าแข้งกับฮัมบูร์ก เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป 2 สมัยติดต่อกัน คือ 1978 และ 1979 ในฤดูกาลเดียวกันเขาได้เป็นกำลังสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกา ฤดูกาล 1978-79 และสามารถคว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพในปีถัดมาอีกด้วย หลังจากนั้นเขาก็ได้ย้ายไปร่วมทีมเซาแธมป์ตันเป็นเวลา 2 ฤดูกาล ก่อนที่จะย้ายไปค้าแข้งกับนิวคาสเซิลใน ค.ศ. 1984 และสามารถพาทีมเลื่อนชั้นได้สำเร็จ ก่อนที่จะประกาศเลิกเล่นฟุตบอลในอีก 2 ปีถัดมา ในขณะที่ติดทีมชาติอังกฤษทั้งหมด 63 นัด และยิงได้ 21 ประตู ใน ค.ศ. 1992 เขากลับสู่นิวคาสเซิลอีกครั้งในฐานะผู้จัดการทีม และพาทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดในฐานะ...